All posts in blog

วัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุซะ หรือวัดโคมแดง – Sensoji Temple

วัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุซะ หรือวัดโคมแดง – Sensoji Temple

วัดเซนโซจิ(Sensoji Temple) เป็นวัดใหญ่ในย่านอาซากุสะ จนบางคนนิยมเรียกว่าวัดอาซากุสะ หรือวัดโคมแดง (Asakusa Kannon Temple) เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และเป็นที่นิยมมากที่สุดวัดหนึ่งของเมืองโตเกียว ที่มีผู้คนเดินทางมาสักการะและเที่ยวชมได้ทั้งตัววัดและบริเวณภายนอก โดยจะมีถนนนากามิเสะที่เป็นถนนยาวเข้าสู่พื้นที่ภายในวัดที่จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย

2

ตามตำนานเล่าว่าเมื่อประมาณปี 628 สองพี่น้องได้ออกเรือไปตกปลา และตกรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมได้ที่แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) และแม้ว่าพวกเขาจะพยายามทิ้งรูปปั้นกลับลงสู่แม่น้ำเท่าไหร่ก็ตาม รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมก็จะกลับมาหาพวกเขาอยู่เสมอ จึงได้มีการสร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้ก่อสร้างเสร็จในปี 645 จึงถือว่าเป็นวัดที่เท่าแก่ที่สุดในโตเกียว

3

แผนที่แสดงบริเวณวัดเซนโซจิ

4

ด้านล่างของโคมแดงที่ด้านหน้าวัดอาซากุสะ

5

นักท่องเที่ยวมหาศาลที่ถนนนากามิเสะหน้าวัดอาซากุสะ

6

นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและขาวต่างประเทศที่ด้านหน้าวิหารวัดอาซากุซะ

7

วิวจากด้านหน้าวิหารของวัดอาซากุสะ

8

ร้านขายของที่ระลึกต่างๆที่ถนนด้านข้างวัดอาซากุซะ

9

นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนิยมใส่ชุดยูกาตะมาเที่ยวที่วัดอาซากุสะ

10

ทางม้าลายที่ไปได้ทุกทาง-ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดอาซากุซะ

11

บริการรถเข็นนำเที่ยวบริเวณวัดอาซากุสะ

12

หน้าประตูทางเข้าวัดอาซากุซะ

Credit : www.talonjapan.com

 

More

ไปโอกินาว่าต้องไปทำอะไร?? กิน เที่ยว พักที่ไหน ไปชมกันเลย

ไปโอกินาว่าต้องไปทำอะไร?? กิน เที่ยว พักที่ไหน ไปชมกันเลย

มีคนเคยบอกว่าทะเลญี่ปุ่นไม่สวย แต่หลังจากฮานะได้รู้จักโอกินาว่า ความคิดนี้ก็หายไปเลยค่ะ เพราะทะเลโอกินาว่านั้นสวยมากๆ และไม่ใช่แค่ทะเลเท่านั้นที่โอกินาว่ามี แต่ดินแดนแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรม อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่ยิ่งรู้จักก็ยิ่งหลงรักเกาะใต้แห่งนี้ แล้วไปโอกินาว่าต้องไปทำอะไรวันนี้ฮานะนำมาให้ชมกันค่ะ

ไปชมทะเลสวยหาดทรายสีขาว

โอกินาว่านั้นประกอบไปด้วยหมู่เกาะหลักๆ 3 หมู่เกาะ ได้แก่ หมู่เกาะโอกินาว่า(Okinawa Islands) หมู่เกาะมิยาโกะ(Miyako Islands) และหมู่เกาะยาเอะยามะ(Yaeyama Islands) โดยแต่ละหมู่เกาะนั้นก็จะประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่จำนวน 160 เกาะ มีเมืองหลวงคือนาฮาซึ่งตั้งอยู่บนเกาะหลักโอกินาว่าและด้วยภูมิอากาศของโอกินาว่านั้นเป็นแบบกึ่งเขตร้อน ในหน้าหนาวอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 20 องศา ที่นี่จึงเหมาะกับการมารับลมร้อน นอนชมทะเลสวยใสได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งที่นี่ขึ้นชื่อว่ามีพื้นที่ปะการังกว้างใหญ่ที่สุดในโลก และมีจุดดำน้ำที่สวยงามและโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วยนะ ซึ่งเกาะที่ฮานะจะพาไปชมในวันนี้คือเกาะนางังนุ(Nagannu Island) ซึ่งสามารถนั่งเรือจากเกาะโอกินาว่าไปประมาณ 20 นาที ตั้งอยู่ทางเข้าอุทยานแห่งชาติเคระมะ โชโตะ(Kerama Shoto National Park) ซึ่งที่นี่ล้อมรอบไปด้วยแนวปะการังที่สวยงาม เหมาะกับการมาว่ายน้ำ ดำน้ำชมปะการัง และยังสามารถพักค้างคืนบนเกาะได้ด้วยค่ะและฟ้ายามค่ำคืนของเกาะแห่งนี้ดาวสวยมากๆ เลยนะคะ

เกาะนางังนุ(Nagannu Island)

1

จากนั้นไปเดินริมหาดทรายสีขาวที่ทอดตัวยาวริมหาด โยนาฮา มาเอะฮามะ (Yonaha Maehama beach) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะมิยาโกะ มีชายหาดที่ทอดตัวยาวถึง 7 กิโลเมตรบรรยากาศสวยงามราวกับภาพถ่ายในโปสการ์ดเลยล่ะค่ะ

หาด โยนาฮา มาเอะฮามะ (Yonaha Maehama beach)

2

ปั่นจักรยานข้ามสะพานอิราบุ (Irabu Bridge)ที่ทอดตัวในทะเลสีฟ้า

สะพานอิราบุ (Irabu Bridge) สะพานที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะมิยาโกะและเกาะอิราบุ เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นที่ไม่เก็บค่าข้ามสะพานโดยมีความยาวประมาณ 3,540 เมตร ทอดตัวไปในทะเลสีฟ้า ท่ามกลางฟ้าสีครามเหมาะกับการมาปั่นจักรยาน เดินเล่นชิลๆ ชมวิวทะเลที่สวยงาม

3

พักบ้านแบบชาวโอกินาว่าที่เกาะโฮชิโนยะ ทาเคโตะมิ (Hoshinoya Taketomijima)

ลองมาเป็นชาวโอกินาว่ากันสักคืนไหมคะกับการสัมผัสประสบการณ์พักบ้านแบบชาวโอกินาว่า บ้านชั้นเดียวหลังคากระเบื้องสีแดงที่เกาะโฮชิโนยะ ทาเคโตะมิ แต่ละหลังจะมีสวนส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันให้อารมณ์ชาวโอกินาว่ามากๆ เลยค่ะ

 

4

เดินเลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผาที่ถนนซึโบยะ ยาจิมัง (Tsuboya Yachimun-dori)

ถนนซึโบยะ ยาจิมัง (Tsuboya Yachimun-dori) ถนนที่มีประวัติยาวนานกว่า 330 ปี เต็มไปด้วยร้านเครื่องปั้นดินเผา คุณสามารถไปเยี่ยมชมและสัมผัสการปั้นเครื่องปั้นดินเผาสไตล์โอกินาว่า และเลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผา จาน จาม ถ้วยชา และรูปปั้น shiisaa ซึ่งเป็นรูปปั้นที่ผสมระหว่างสุนัขกับสิงโต เชื่อว่าช่วยปกป้องจากสิ่งชั่วร้ายนำไปเป็นของฝากกลับบ้าน

5

ลิ้มลองโอกานาว่า โซบะ

มาโอกินาว่าก็ห้ามพลาดมาทานโซบะโอกินาว่า ที่มีความพิเศษคือเส้นโซบะทำจากแป้งสาลีของโอกินาว่าจะมีความหนึบๆ และน้ำซุปที่เข้มข้นจากกระดูกหมู ร้านที่เราอยากแนะนำให้มาทานคือร้าน kintiti Soba ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Onna บนเกาะโอกินาว่า ตัวเส้นทางร้านทำเองและน้ำซุปเป็นสูตรเด็ดของทางร้าน ใครมาโอกินาว่าลองมาทานกันได้เลย

6

ทานอาหารดั้งเดิมของชาวรีวกิว

หลังจากทานโซบะกันไปแล้วฮานะจะพาไปทานอาหารดั้งเดิมของรีวกิวซึ่งก็คืออาณาจักรเดิมก่อนที่จะมาเป็นเกาะโอกินาว่าในปัจจุบันค่ะ โดยร้านที่เราจะพาไปทานคือร้าน Uchina Ryori Shuri Iroha-tei ตั้งอยู่ในย่านชูริที่เงียบสงบ เสิร์ฟอาหารสไตล์รีวกิวที่ในเซ็ตเมนูจะประกอบไปด้วยอาหารจานเล็กจานน้อยซึ่งใส่ใจในการปรุงอาหารและการคัดเลือกวัตถุดิบ โดยในเซ็ตก็จะประกอบไปด้วย Inamuruchi มิโสะซุปสไตล์โอกินาว่า และ Umukuji Andagi มันม่วงทอด

7

โอกินาว่า เกาะใต้ของญี่ปุ่นที่ฮานะหลงรักเลยล่ะค่ะ ยิ่งตอนนี้โอกินาว่าเดินทางง่ายไปไม่ยากมีสายการบินที่บินตรงทั้งแบบฟูลเซอร์วิสและแบบโลว์คอสต์ ทำให้การเดินทางไปสัมผัสโอกินาว่าไม่ยากอีกต่อไป ใครที่อยากหาข้อมูลที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว ของโอกินาว่าแบบรู้ลึกรู้จริงแนะนำเว็บนี้เลยค่ะ http://beokinawa-pr.jp/guide/ มีทุกเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับโอกินาว่า ลองเข้าไปชมกันเลย  

 

Credit : http://www.chillinjapan.com

More

เปิดใหม่ Kyoto Railway Museum พิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งเมืองเกียวโต

เปิดใหม่ Kyoto Railway Museum พิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งเมืองเกียวโต

ตอนนี้เกียวโตกำลังมีที่เที่ยวแห่งใหม่ค่ะกับ Kyoto Railway Museum พิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งเมืองเกียวโต ในสังกัดของ JR-West ที่กำลังจะเปิดให้เข้าชมในวันที่ 29 เมษายนนี้ค่ะ คนรักรถไฟบอกเลยว่ามาที่นี่จะมีความสุขมากๆ

1

ซึ่งถ้าใครเคยไปเกียวโตจะทราบดีว่าที่นี่มีพิพิธภัณฑ์รถจักรไอน้ำ The Umekoji Steam Locomotive Museum ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1972 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของการรถไฟญี่ปุ่น เปิดให้เราได้ชมความสวยงามและคลาสสิคของรถจักรไอน้ำ โดยตอนนี้ทาง JR-West เลยได้มีการสร้างเพิ่มเติมให้เป็น Kyoto Railway Museum สถานที่ที่จะรวมรถไฟมากที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งแต่ยุครถจักรไอน้ำไปจนถึงรถไฟชินกันเซ็นในปัจจุบัน โดยจะมีให้ชมมากถึง 53 ขบวน โดยจะมีตั้งแต่รถไฟชินกันเซ็นรุ่น 0 ซีรีส์ ซึ่งเป็นรถไฟชินกันเซ็นขบวนแรกของญี่ปุ่น และรถไฟชินกันเซ็นรุ่น 500 ซีรีส์ ซึ่งเป็นรถไฟชินกันเซ็นรุ่นแรกที่สามารถวิ่งได้ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง

2

โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีแนวคิดที่ว่า “ศูนย์กลางวัฒนธรรมรถไฟที่ก้าวไปพร้อมกับชุมชน” ความตั้งใจเพื่อให้ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องรถไฟ บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของรถไฟให้กับคนรุ่นหลังได้มาสัมผัสเรื่องราวที่น่าประทับใจเหล่านี้

Kyoto Railway Museum แห่งนี้จะแบ่งเป็น 3 ชั้นค่ะ โดยชั้น 1 ส่วนเพดานจะเปิดโล่งทะลุไปถึงชั้นที่ 2 โดยชั้นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่พาเราไปทำความรู้จักประวัติศาสตร์ของรถไฟ โดยจัดแสดงรถไฟขบวนต่างๆ ซึ่งนิทรรศการส่วนนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมอีกด้วย

ชั้นที่ 2 จะเป็นชั้นที่เราสามารถมองลงไปเห็นชั้นที่ 1 ได้ค่ะ ชั้นนี้จะจัดแสดงนิทรรศการแบบโต้ตอบ และชั้นนี้จะมีร้านอาหารให้นั่งชิลได้อีกด้วย

ชั้นที่ 3 จะเป็นชั้นดาดฟ้าเปิดโล่ง ตกแต่งด้วยสวนสวย ชั้นนี้คุณสามารถมองเห็นรถไฟขบวนต่างๆ วิ่งไปมาอยู่ด้านล่างเป็นภาพที่สวยงามมากๆ

3

ส่วนด้านหน้าก็จะเป็นส่วนของ  The Umekoji Steam Locomotive Museum เดิมที่จะจัดแสดงหัวรถจักรไอน้ำ การปล่อยรถจักรไอน้ำ ที่เรายังสามารถลองนั่งรถจักรไอน้ำชมเมืองได้อีกด้วยนะคะ ส่วนใครที่อยากรู็ว่าเขามีวิธีซ่อมบำรุง ดูแล รถจักรไอน้ำที่เก่าแก่แบบนี้อย่างไรที่นี่ก็ให้เราได้ชมส่วนของโรงซ่อมบำรุงรถจักรไอน้ำด้วยค่ะ

4

นอกจากนี้ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมี Railway diorama ซึ่งเป็นการจัดแสดงแบบจำลองสามมิติที่ใหญ่มากๆ โดยจะมีขบวนรถไฟจำลองอัตราส่วน 1/80 มาวิ่งให้เราได้ชมอีกด้วย ส่วนใครที่อยากลองเป็นพนักงานของรถไฟญี่ปุ่นสักครั้งที่นี่ก็มีชุดยูนิฟอร์มและลองมาสวมบทเป็นพนักงานจริงๆ ได้เลยค่ะ

5

เปิดบริการ : ทุกวันยกเว้นวันพุธ และ หยุดวันที่ 30 ธันวาคม – 1 มกราคม
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 1,200 เยน/เด็ก อายุต่ำกว่า 3 ปี 200 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟเกียวโต นั่งรถเมล์สาย 205,208, 103, 104, 110, 86 และ 88 ลงป้าย Umekoji-koen/Kyoto Railway Museum-mae ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

Credit : http://www.chillinjapan.com

More

รีวิวเดินชมไฟสุดโรแมนติกในงาน Namba Hikaritabi ที่โอซาก้า

รีวิวเดินชมไฟสุดโรแมนติกในงาน Namba Hikaritabi ที่โอซาก้า

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาฮานะได้ไปเดินชมไฟสวยๆ ที่โอซาก้ากับงาน Namba Hikaritabi ค่ะ ตามไปชมภาพบรรยากาศกันเลย

โดยงาน Namba Hikaritabi เกิดจากความร่วมมือของ Nankai Electric Railway Co.,Ltd. ,Takashimaya Co.,Ltd. และ Swissotel Nankai Osaka ได้จัดงาน “Namba Hikari-tabi” โดยปีนี้ใช้ชื่องานว่า “A Journey of Searching for Super Flower” ขึ้นที่ Namba Parks เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559

MG_5505

งานนี้เป็นการเนรมิตรบริเวณย่านนัมบะให้เป็นสถานที่สุดโรแมนติกรับเทศกาลแห่งความสุขทั้งคริสต์มาส ปีใหม่ ไปจนถึงวาเลนไทน์เลยค่ะ โดยใช้ดวงไฟกว่า 600,000 ดวง ที่จะประดับประดาให้ที่นี่เป็นเหมือนสรวงสรวรรค์ในยามค่ำคืน

MG_5513 MG_5519 MG_5524 MG_5528 MG_5538 MG_5541 MG_5550 MG_5554 MG_5564

ตลอดทางเดินที่ขึ้นไปบน Namba Park นั้นเขาจะประดับไฟสวยงามมากๆ ค่ะ มีดนตรีเพราะๆ ประกอบด้วย และที่นี่ก็มีคู่รักชาวญี่ปุ่นมาเดินควงแขนกระหนุงกระหนิงกันจนฮานะอยากจะไปเดินไปปิดไฟเลยค่ะ เพราะอิจฉาแรงมากๆ

ปลายปีนี้ใครกำลังเดินทางไปโอซาก้าก็อย่าลืมแวะไปชมงาน Namba Hikaritabi ที่ Namba Parks กันนะคะ

และอย่าลืมควงคนรู้ใจไปด้วยนะจะได้ไม่อิจฉาแรงเหมือนฮานะ

การเดินทาง รถไฟ Nankai ลงสถานี Nankai Namba
ระยะเวลาการจัดงาน 13 พ.ย. – 14 ก.พ. เวลา 17.00 – 24.00 น.

Credit : http://www.chillinjapan.com

More

ไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดสุดๆ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีกัน

ไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดสุดๆ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีกัน

หากคุณอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้ร่วงในราคาถูกสุดๆ ล่ะก็ ถึงเวลาต้องลุกขึ้นมาเตรียมตัวกันแล้ว! กับสารพัดข้อแนะนำเพื่อการจัดทริปแสนประหยัดที่คุณก็ทำได้

หนึ่งในฤดูท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คนนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องมีฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามอย่างแน่นอน และคงไม่มีฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ใดที่น่าไปเยือนมากกว่าที่ประเทศญี่ปุ่นอีกแล้ว ช่วงเวลานี้จึงถือว่าเป็นจุดพีคของแดนอาทิตย์อุทัยอีกฤดูหนึ่งเลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าฤดูเที่ยวแบบนี้อะไรๆ ก็คงอัพราคารับกระแสนักท่องเที่ยวกันไปซะหมด แต่คุณก็อย่าเพิ่งถอดใจไป! เพราะเรามีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณจัดทริปไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบประหยัดสุดๆ ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก การเดินทาง และค่าใช้จ่ายประจำวัน ในแบบที่คนงบน้อยก็เที่ยวได้สบายใจ

ถามตัวเองก่อนเริ่มจัดทริป

จุดเริ่มต้นของการจัดทริปเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดในช่วงพีคซีซั่นนั่นก็คือ การถามความต้องการและความสะดวกของคุณเองก่อน โดยเรามีตัวอย่างคำถามที่สำคัญๆ อย่างเช่น

“ตุลาคมถึงพฤศจิกายนว่างไหม?” เพื่อตอบว่าคุณจะชมใบไม้เปลี่ยนสีในปีนี้ได้หรือไม่ เพราะใน 1 ปีนั้นมีเวลาเพียง 2 เดือนดังกล่าวในการชมใบไม้เปลี่ยนสีก่อนจะร่วงหมดต้นและเข้าสู่ฤดูหนาว

“อยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง?” เพื่อกำหนดเป้าหมายการเที่ยวของคุณ ว่าคุณอยากดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ไหน หรืออยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษบ้าง โดยที่เที่ยวทั้งหมดควรต้องอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

“มีเวลาเที่ยวกี่วัน?” เพื่อดูข้อจำกัดว่าคุณสามารถให้เวลากับทริปเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดนี้ได้นานแค่ไหน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการลางาน หรือภาระข้อจำกัดที่คุณอาจจากไปเป็นเวลานานไม่ได้

“เดินทางได้วันไหน?” เพื่อกำหนดช่วงเดินทางที่เหมาะสม และถ้าหากเป็นไปได้เราอยากให้คุณเลือกเดินทางในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งตั๋วเครื่องบินจะมีราคาถูกกว่าการเดินทางช่วงสุดสัปดาห์

เลือกภูมิภาคเที่ยว

เพราะช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีในแต่ละพื้นที่ของญี่ปุ่นนั้นไม่ตรงกัน คุณจึงมี 2 ทางเลือกว่าคุณจะ “ปรับที่เที่ยวให้ตรงกับเมืองที่มีใบไม้เปลี่ยนสีในเวลาที่ต้องการ” หรือจะ “ปรับวันเดินทางให้ตรงกับช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในเมืองที่ต้องการ” โดยการเปลี่ยนสีของใบไม้ในญี่ปุ่นจะเริ่มจากทางทิศเหนือสู่ทิศใต้ ตามสภาพอากาศที่เริ่มเย็นลงจากทางเหนือก่อน เราขอยกตัวอย่างช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ในญี่ปุ่นตามสถิติของปีที่ผ่านๆ มาดังนี้

ซัปโปโร ปลายเดือนกันยายน – กลางเดือนตุลาคม

นิกโกะ ต้นเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน

โอซาก้า กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม

เกียวโต กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม

โตเกียว ปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม

คุมาโมโตะ ปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม

ลงมือหาตั๋วเครื่องบินถูก

ขั้นตอนสำคัญที่อาจตัดสินได้ว่าทริปเที่ยวญี่ปุ่นราคาประหยัดของคุณนั้นจะประหยัดจริงหรือไม่ ก็ด้วยการหาตั๋วเครื่องบินที่ถูกที่สุดนี่แหละ! จะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ได้ตั๋วถูกมาเที่ยว มาดูกัน

วางแผนจองล่วงหน้า

หนึ่งในยุทธวิธีที่จะทำให้คุณได้จัดทริปไปเที่ยวญี่ปุ่นราคาถูกได้นั่นก็คือการจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่เนินๆ ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลของเสิร์ชเอ็นจิ้น Skyscanner มาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี เราได้พบว่าการจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นให้ได้ราคาประหยัดที่สุดนั้น คุณต้องลงมือจองล่วงหน้าก่อนวันบินเป็นเวลา 19 สัปดาห์ (หรือ 4-5 เดือนก่อนการเดินทาง)

สำรวจราคาให้ครอบคลุม

ทราบหรือไม่ว่าแค่ขยับวันเดินทางก่อนหรือหลังเพียงวันเดียว ก็อาจทำให้คุณประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินได้อีกเป็นกอง! นั่นเป็นความจริงของราคาตั๋วเครื่องบินระหว่างวันหยุดกับวันธรรมดาที่แตกต่างกันเสมอ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไร? ไม่ต้องห่วง เพราะเรามีเครื่องมือ “เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินทั้งเดือน” ที่ช่วยให้คุณดูราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกที่สุดได้อย่างเต็มตาทั้งเดือน

หาตัวช่วยเตือนโปรถูก

จะเกิดอะไรขึ้นหากโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นราคาถูกสุดๆ โผล่เข้ามาโดยที่คุณไม่ทันได้ตามข่าว? คุณคงพลาดการจัดทริปไปญี่ปุ่นในราคาประหยัดอีกแน่ถ้าไม่มีใครสักคนมาช่วยแจ้งเตือน ดังนั้นเมื่อเลือกวันเที่ยวได้แล้วแต่ยังตัดสินใจรอตั๋วลดราคาลงอีก ก็ลอง “รับบริการแจ้งเตือนราคา” จากเราดู รับรองว่าราคาเปลี่ยนปุ๊บเราเตือนคุณปั๊บแน่นอน

จองโรงแรมล่วงหน้าให้ไว

เมื่อคุณได้เที่ยวบินแล้ว คุณก็จะมีกำหนดการเดินทางและระยะเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ จากนั้นก็เริ่มจองโรงแรมกันได้เลย ถ้าหากคุณต้องการประหยัดค่าโรงแรมในทริปนี้ล่ะก็ ในญี่ปุ่นก็มีโรงแรมสไตล์โฮสเทลอยู่มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ห้องนอนรวม หรือที่นอนแคปซูล หรือใช้ห้องน้ำรวม หรือไม่มีเครื่องปรับอากาศก็แล้วแต่รูปแบบของโรงแรมนั้นๆ ความสำคัญอยู่ที่คุณจะได้โรงแรมที่ถูกที่สุดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถรับต่อบริการเหล่านั้นได้หรือไม่ ในระดับไหน ซึ่งคุณอาจเลือกเพิ่มเงินอีกนิดเพื่อได้พักห้องส่วนตัวก็ได้ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับงบประมาณและความพึงพอใจที่คุณมีนั่นเอง

เริ่มวางแผนเที่ยวเชิงลึก

เมื่อคุณได้เที่ยวบินและที่พักแล้ว ก็เริ่มลงมือวางแผนการเที่ยวได้ เพราะนี่คือส่วนที่สนุกที่สุด! จากที่ถามตนเองในตอนแรกว่าอยากไปเที่ยวไหนบ้างก็ได้เวลามาทำให้มันกลายเป็นจริง แต่ควรอยู่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้

จัดตารางที่เที่ยว

จัดตารางที่เที่ยวของคุณลงในคอมพิวเตอร์หรือในสมุดแล้วแต่สะดวก แต่ที่เที่ยวในแต่ละวันควรจะอยู่ใกล้ๆ กันเพื่อประหยัดค่าเดินทางและเวลา และที่เที่ยวทั้งหมดไม่ควรไปไกลเกินกว่าเขตภูมิภาคที่ตนเองอยู่ (ยกเว้นจะมีเวลามากพอแล้วจัดแผนเที่ยวหลายเขต) เพราะการเดินทางไปสถานที่ไกลๆ ที่อยากไปเพียงแห่งเดียวนั้นไม่ใช่การเที่ยวที่คุ้มค่าสักเท่าไหร่นัก เอาเวลาเดินทางไปเที่ยวที่อื่นใกล้ๆ ดีกว่า

คัดที่เที่ยวที่ไม่เสียเงิน

อันที่จริงการชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นที่สวยที่สุดนั้นมักจะต้องเข้าไปชมภายในวัดหรืออุทยานต่างๆ ซึ่งทุกที่จะเสียค่าเข้าชมเพื่อบำรุงสถานที่ (300 – 1,000 เยน/แห่ง แล้วแต่สถานที่) แต่ทริปประหยัดของคุณก็ไม่จำเป็นต้องแวะทุกที่ แค่เลือกสถานที่เสียค่าเข้าชมที่ดูสวยงามที่สุดในสายตาคุณมาสักแห่งสองแห่ง ที่เหลือจากนั้นก็ไปตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีตามสวนสาธารณะหรือถนนในเมืองแบบฟรีๆ กันดีกว่า อาทิเช่นสวนสาธารณะรอบปราสาทโอซาก้าที่เดินเที่ยวฟรีได้ เป็นต้น

จัดตารางเดินทาง

มาถึงการวางแผนการเดินทางที่ต้องวางแผนอย่างรอบครอบ โดยในตารางที่เที่ยวของคุณควรกะเวลาเดินทางระหว่างที่เที่ยวแต่ละแห่งเอาไว้ด้วย และแน่นอนว่าการเดินทางที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่สุดนั่นก็คือการเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย! แค่คุณต้องดูจากแผนที่ว่าที่เที่ยวที่คุณต้องการไปนั้นต้องนั่งรถไฟจากสถานีไหนไปสถานีไหน จากนั้นก็ใช้บริการของเว็บไซต์ Hyperdia เพื่อเช็คว่าการเดินทางของคุณจะมีรถไฟรอบเวลาใดบ้าง ใช้เวลากี่นาที และต้องเสียเงินเท่าไหร่ ซึ่งเป็นตัวช่วยชั้นดีในการวางแผนเดินทางในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ข้อแนะนำสำคัญ คุณควรพยายามเลือกใช้ระบบขนส่งมวลชนกลุ่มเดียวกันให้มากที่สุด เช่นเลือกเดินทางด้วยรถไฟของบริษัท JR อย่างเดียว หรือเลือกเดินทางด้วยรถไฟเอกชน+รถไฟใต้ดิน+รถเมล์อย่างเดียว เพื่อประโยชน์ในการซื้อบัตรเหมาจ่าย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับที่เที่ยวที่คุณจะไปว่ามีระบบขนส่งมวลชนกลุ่มไหนผ่านบ้าง

ใช้บัตรเหมาคุ้มกว่า

หลังจากจัดตารางที่เที่ยวและการเดินทางลงตารางเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะเริ่มมองเห็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่อาจเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยล่ะ แต่คุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ด้วยการซื้อบัตรโดยสารเหมา (หรือเรียกกันว่า “บัตรเบ่ง”) ซึ่งเป็นบัตรที่จ่ายครั้งเดียวและเดินทางได้ไม่จำกัดครั้งตามเวลาที่กำหนด อาทิตั๋ว JR Rail Pass ที่เดินทางได้กับรถไฟของบริษัท JR ได้ทุกสาย หรือบัตรท่องเที่ยวรายวันของแต่ละท้องที่ ซึ่งมักจะรวมรถไฟเอกชน รถไฟใต้ดิน รถเมล์ และส่วนลดบัตรเข้าชมที่เที่ยวต่างๆ มาไว้ด้วยกัน โดยบัตรทั้ง 2 แบบก็ล้วนแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางขึ้นเยอะ

ข้อแนะนำสำคัญ คุณควรเปรียบเทียบการเดินทางของคุณกับบัตรและประเภทดูว่าบัตรไหนตอบโจทย์ความคุ้มค่ากับโปรแกรมที่เที่ยวของคุณมากที่สุด เพราะบางครั้งบัตร JR Rail Pass ก็ไม่ครอบคลุมการเดินทางได้เท่ากับการบัตรท่องเที่ยว หรือกลับกันก็เป็นได้

กำหนดงบติดตัว

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีค่าครองชีพสูง การกำหนดงบใช้กินนั้นอาจตีได้ถึง 300 บาทต่อมื้อ หรือปัดเป็นตัวเลขกลมๆ ได้อย่างต่ำประมาณวันละ 1,000 บาทต่อวันต่อคนเลยทีเดียวเชียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทักษะการหาของกินราคาถูกของแต่ละคนด้วย (เข้าห้างสรรพสินค้าตอนดึกๆ มักจะมีอาหารกล่องลดราคา!) และอย่าลืมเผื่อเงินอีกหนึ่งเท่าของค่ากินสำหรับค่าเดินทาง ของใช้ และค่าจิปาถะอื่นๆ ที่อาจต้องใช้ในญี่ปุ่น และที่สำคัญ! ควรแลกเงินเยนจากไทยไปให้เพียงพอดีกว่า เพราะเรทแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นจะแพงกว่ามาก และสุดท้าย การพกเงินไปเผื่อแล้วเหลือกลับมาแลกคืนนั้นย่อมดีกว่าเงินหมดตอนเที่ยวแล้วต้องวิ่งหาแลกเงินเยนที่เรทสูงปรี๊ดในญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ใครที่ฝันอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่ติดปัญหาเล็กๆ อย่างเรื่องงบและความกังวลว่าจะ “เที่ยวแพง” อยู่ล่ะก็ ทิปส์เหล่านี้อาจจะช่วยให้ทริปเที่ยวของคุณใกล้ความจริงได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน และทั้งหมดนี้จะประหยัดได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเที่ยวแบบไหน สุดท้ายก็ขอให้การเที่ยวนั้นคุ้มค่าและประทับใจต่อตัวคุณที่สุดก็เพียงพอแล้ว

Credit : www.skyscanner.co.th

More

เที่ยวญี่ปุ่นไปกับ 10 อันดับสุดยอดเมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัย

เที่ยวญี่ปุ่นไปกับ 10 อันดับสุดยอดเมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัย

ตะลุยสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งอาจโนเนมแต่ฮ็อตฮิตในหมู่ชาวยุ่น รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นนี้มีไอเดียแจ่มวางแผนไปที่เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองกับเมืองท่องเที่ยวโดนใจ

ประเทศญี่ปุ่น (Japan) เดสติเนชั่นยอดนิยมตลอดกาลของนักเดินทางชาวไทย ประเทศที่มีจุดท่องเที่ยวทั้งความสวยงามทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม โด่งดังเรื่องแฟชั่น ดนตรีและการบันเทิง รวมไปถึงการครัวที่ลือชื่อไปรอบโลก ที่สำคัญอีกอย่าง คือ การท่องเที่ยวญี่ปุ่นสามารถทำได้ได้ทั้งปี ไม่ว่าจะไปชมดอกไม้หรือไปร่วมงานเทศกาลท้องถิ่น ญี่ปุ่นมีภาษาหลัก คือ ภาษาญี่ปุ่น แต่ก็ไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะอัธยาศัยไมตรีของชาวญี่ปุ่นนั้น นับว่าเป็นเลิศไม่รองชาติไหน สกุลเงินที่ใช้ คือ เงินเยน (Japanese Yen or JPY)

ท็อป 10 เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น

โตเกียว (Tokyo)

tokyo
แผนที่

จุดหมายยอดฮิตที่ติดท็อปรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นเสมอมา เมืองนี้ได้ฉายาว่า “อีสต์ มีท เวสต์” (East meets West) หมายถึง การมาบรรจบกันของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก เพราะนอกจากคุณจะได้ชมบ้านเมืองที่ยังคงด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว คุณก็ยังจะได้สัมผัสเทคโนโลยีล่าสุดของโลก และแฟชั่นแบบตะวันตกในสไตล์ญี่ปุ่น ฮาราจุกุในโตเกียวก็เปรียบได้กับถนนเมดิสัน (Madison Avenue) แห่งมหานครนิวยอร์ค (New York) นั่นเอง จัดเป็นสุดยอดสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นด้านช้อปปิ้งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเอเชียรวมทั้งไทยเราเป็นจำนวนล้นหลามทีเดียว

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ตลอดปี ฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน และช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ราวเดือนพฤศจิกายน

เกียวโต (Kyoto) ใกล้กับโอซาก้า (Osaka)

kyoto
แผนที่

เมืองยอดฮิตอีกแห่งของแดนซากุระ สำหรับคนที่ชื่นชมศิลปวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ทั้งวัดโบราณที่ทำให้คุณเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบพันปีก่อนในย่างก้าวแรกที่เดินเข้าไป และเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจเลยหากคุณจะเดินสวนกับเกอิชาในชุดกิโมโนบนถนนใจกลางเมือง และการเข้าร่วมพิธีชงชาญี่ปุ่นแบบโบราณ ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพลาดสำหรับการไปเยือนเกียวโต

ไปเที่ยวช่วงไหนดี ช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวมากที่สุด คือ ฤดูใบไม้ผลิราวเดือนมีนาคมและฤดูใบไม้ร่วงราวเดือนตุลาคม ทั้งนี้ในช่วงเดือนเมษายนก็จะเป็นช่วงเทศกาลใหญ่ประจำปี เทศกาลมิยาโกะ (Miyako Odori)

โอซาก้า (Osaka)

osaka
แผนที่

เมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศ นอกจากจะเป็นเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านอาหารในราคาย่อมเยา เพราะไม่ว่าจะมุมไหนของเมือง คุณก็สามารถหาร้านอาหารรสชาติเป็นเลิศ แต่ราคาสบายกระเป๋าได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งญี่ปุ่น และสวนลอยน้ำ (Floating Garden Observatory)

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ตลอดปี ฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน

ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

fukuoka
แผนที่

อีกเมืองหลักของมิตรรักนักชิมและคนรักอาหารทะเล นอกจากนี้ยังเป็นบ้านเกิดของบะหมี่ราเม็งอันลือชื่อของญี่ปุ่น ฉะนั้นรับรองว่าหากไปเยือนฟุกุโอกะ คุณจะไม่มีทางพลาดการชิมราเม็ง เพราะร้านบะหมี่ข้างทางถือเป็นร้านอาหารยอดนิยม ไม่ต่างจากรถขายไส้กรอกในอเมริกา หรือแผงขายส้มตำบ้านเรา นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีคุณภาพการใช้ชีวิตสูง ถึงกับได้ฉายาว่าเป็นเมืองที่รีเล็กซ์ (Relax) หรือเครียดน้อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ไปเที่ยวช่วงไหนดี ฤดูกาลท่องเที่ยวยอดนิยมจะอยู่ราวเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลโกลเด้นวีค (Golden week) และในช่วงเดือนกันยายน-เดือนตุลาคมก็เป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายน่าไปเที่ยวอีกช่วงหนึ่ง

นารา (Nara) ใกล้กับโอซาก้า (Osaka)

nara
แผนที่

เมืองนาราหรือเมืองแห่งกวาง ทุกหนแห่งที่คุณเดินทางไปเที่ยว คุณจะพบเห็นกลุ่มกวางอันเป็นมิตรกับผู้คน นอกจากนี้นารายังถือเป็นแหล่งกำเนิดของขนบธรรมเนียมสำคัญๆ ของชาวญี่ปุ่น เมืองนารานี้มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsuden) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดของโลก วัดโฮริวจิ (Horyu-ji Temple) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของโลกและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับวัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดเก่าแก่ที่สุดของเมือง

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ตลอดปี ฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน และช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ราวเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคม

เฮียวโงะ (Hyogo) ใกล้กับโกเบ (Kobe) และโอซาก้า (Osaka)

hyogo
แผนที่

เมืองเฮียวโงะตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเกียวโตและโอซาก้า เป็นที่ตั้งของปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ที่งดงามที่สุดของประเทศและได้รับการยกให้เป็นเขตมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) และถัดจากปราสาทก็เป็นสวนสาธารณะกว้างกว่า 33,000 ตรม. เป็นจุดชมดอกซากุระยอดนิยม จนถึงขั้นจัดเป็นงานประเพณีขึ้นทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิชื่อว่า “เทศกาลชมดอกซะกุระยามราตรี” (Himeji Hana Akari Night View of Cherry Blossom Festival)

ไปเที่ยวช่วงไหนดี ฤดูกาลท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดจะอยู่ในช่วงชมดอกไม้บานในราวกลางเดือน-ปลายเดือนมีนาคม

คารุอิซาวะ-มาชิ (Karuizawa – machi) ใกล้กับโตเกียว (Tokyo)

kuruizawa
แผนที่

เมืองนี้จะเป็นสวรรค์ของคนรักป่าเขาลำเนาไพร ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก บ่อน้ำพุร้อน ภูเขา เมืองธรรมชาติแห่งนี้มีทุกอย่างสำหรับนักธรรมชาตินิยม แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่อยากจะชมทั้งธรรมชาติและช้อปปิ้งในทริปเที่ยวญี่ปุ่นทริปเดียว เพราะเขตช้อปปิ้งคารุอิซาวะกินซ่า (Karuizawa Ginza) นั้นเป็นแหล่งจับจ่ายชั้นดีที่จะให้คุณเพลิดเพลินได้ตลอดวัน

ไปเที่ยวช่วงไหนดี สามารถเที่ยวได้ทั้งปีแต่จะเป็นที่นิยมมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนกลางปี

ฮากุบะ-มุระ (Hakuba – mura) ใกล้กับมัสซูโมโต้ (Matsumoto)

hakuba
แผนที่

เมืองเล็กๆ ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) นี้ อาจไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักสำหรับคนไทย แต่เป็นแหล่งสกีอันลือชื่อของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางภูเขาฮากุบะ (Hakuba) ซึ่งเปรียบได้กับเทือกเขาแอลป์ (Alps) ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาบน้ำแร่ แช่น้ำพุร้อน ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของประเทศด้วย

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เหมาะแก่การไปเยือนในช่วงฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์) และช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ราวเดือนตุลาคม

ทาคายามะ (Takayama) หรือฮิดะ-ทาคายามะ (Hida-Takayama) ใกล้กับมัสซูโมโต้ (Matsumoto)

takayama
แผนที่

เมืองท่องเที่ยวเมืองเล็กๆ ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) ที่แม้จะเล็กแต่ก็เล็กพริกขี้หนู เมืองจิ๋วแต่แจ๋วเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องหมู่บ้านชิราคาวะโกะ (Shirakawago) หมู่บ้านมุงหลังคาฟางแบบโบราณที่ตั้งอยู่ชานเมืองท่ามกลางหุบเขา หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกและมีหลายหลังที่เปิดเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสภูมิปัญญาคนโบราณที่สร้างบ้านให้ทนทานทุกสภาพอากาศและยืนหยัดมาหลายศตวรรษ นอกจากหมู่บ้านแห่งนี้แล้วก็ยังมีที่เที่ยวอื่นที่น่าสนใจ เช่น ตึกที่ว่าการเมืองสมัยโชกุน ทาคายามะ จินยะ (Takayama Jinya) เขตเมืองเก่าซันมาชิ (Sanmachi) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮิดะ (Hida Folk Museum) หรือมินโซกุ-กัง (Minzoku-kan) และพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์โทมิโนะซุเกะ (Tomenosuke)

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เมืองนี้เที่ยวได้ทั้งปี เพราะในช่วงหน้าหนาวจะเป็นที่นิยมในการไปนอนผิงไฟบ้านโบราณและเล่นสกี ในฤดูใบไม้ผลิ-ร้อนก็เป็นช่วงชมดอกไม้บานและเที่ยวป่าเขา รวมไปถึงเทศกาลดอกไม้ไฟอันยิ่งใหญ่ในราวเดือนกรกฎาคมของทุกปี ในขณะที่ใบไม้เปลี่ยนสี (เดือนตุลาคม) เมืองนี้ก็สวยไม่แพ้ที่ใดเช่นกัน

ซัปโปโรหรือซัปโปะโระ (Sapporo)

suporo
แผนที่

เป็นแหล่งอาหารทะเลสดอร่อย บะหมี่ราเม็งเลิศรส และแหล่งผลิตเบียร์ขึ้นชื่อ ในช่วงฤดูหนาวของทุกปีก็จะการจัดงานเทศกาลคริสต์มาสสไตล์เยอรมันที่สวนโอโดริ (German Christmas Market at Odori Park) งานประดับไฟหน้าหนาว (Sapporo White Illumination) และตามมาด้วยเทศกาลหิมะและน้ำแข็งแกะสลักแห่งซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) ในช่วงต้นปี ส่วนที่เที่ยวก็มีมากมาย เช่น โรงเบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) สวนกลางเมืองโอโดริ (Odori Park) หอนาฬิกาเก่าประจำเมือง (Tokeidai) ตึกที่ทำการเก่าแก่ของฮอกไกโด (Hokkaido Government Building) ย่านบันเทิงซูซูกิโนะ (Susukino) ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine) สวนสัตว์มะรุยะมะ (Maruyama Zoo) และภูเขาโมอิวะ (Mt. Moiwa) เป็นต้น

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ทั้งปีเพราะมีที่เที่ยวหลากหลาย ทั้งนี้ในช่วงฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์) จะมีเทศกาลฤดูหนาวหลายงานที่เป็นที่นิยม

 

การเตรียมตัวเดินทาง

ฤดูกาลและสภาพอากาศ ญี่ปุ่นสามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี เพราะในแต่ละช่วงก็มีธรรมชาติที่สวยงามและงานเทศกาลที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ทั้งนี้ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล คือ

ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม

ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม

ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน

ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์

การเดินทางไปญี่ปุ่น มีบริการเที่ยวบินตรงไปยังสนามบินในเมืองสำคัญต่างๆ ของญี่ปุ่นหลายเมือง เช่น โอซาก้า โตเกียว ฟุกุโอกะ ซัปโปโรและนาโงย่า เป็นต้น

การเดินทางในญี่ปุ่น มีบริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ รถบัสโดยสาร รถไฟใต้ดินและบนดิน เรือเฟอร์รี่ รถแท็กซี่ รถไฟความเร็วสูงข้ามเมือง และบริการรถเช่าในเมืองต่างๆ ทำให้ไปญี่ปุ่นเองและเที่ยวเองได้ไม่ยาก

โรงแรมที่พักในญี่ปุ่น ที่พักในญี่ปุ่นมีหลายแบบ ในเมืองใหญ่ๆ จะมีตัวเลือกมากกว่าเมืองเล็กๆ ทั้งนี้ที่พักมีตั้งแต่รีสอร์ท โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ อินส์-เรียวกัง (Japanese Inns or Ryokan) โรงแรมแคปซูล (Capsule Hotel) และที่พักแนวประหยัดต่างๆ ที่เป็นที่นิยมค่อนข้างมาก

Credit : www.skyscanner.co.th

More

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย | skyscanner.co.th ชวนนักช้อปปิ้งมือฉมังเยือนเมืองหลวงของญี่ปุ่น แดนปลาดิบสีสันแห่งโลกตะวันออก เที่ยวช้อปตั้งแต่สินค้าแฟชั่นยันเครื่องไฟฟ้าและตลาดปลาระดับโลก

ช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นชั้นนำ

1

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย | skyscanner.co.th

More

10 ออนเซ็นในญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวชอบไปกัน

10 ออนเซ็นในญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวชอบไปกัน

ออนเซ็นที่นับว่าเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่น คนต่างชาติต่างก็ชอบไปกัน จะว่าไปมันก็มีเยอะนะ ที่ไหนจะดี ที่ไหนจะดัง คือมันก็พูดยาก แต่ว่าเรามี 10 แห่งให้ลองไปดูกันว่าออนเซ็นแบบไหนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันมากที่สุด ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นน้ำแร่ที่ดีนะ เราเอาแค่ที่คนฮิต!

จะว่าไปออนเซ็นบางที่รักษาโรคได้ด้วยนะ มันเด็ดมากจริงๆ ใครไม่กล้าแก้ แก้เหอะ ขอร้อง..รับรองติดใจจร้าาาาา! แล้วบางที่ๆ เค้ามีของขาย เช่น ครีมเด้งดึ๋ง ขัดขี้ไคล หรือพวกหมักอะไรต่างๆ ซื้อมาเหอะจร้าาา ของดีๆ ทั้งนั้น ถ้าไปซื้อที่อื่นแพงกว่านะ

1

1. Kawaguchiko
ที่นี่นับเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด เนื่องจากสภาพอากาศดีๆ ได้เห็นฟูจิแบบเป้งๆ สวยทุกฤดู ไม่มีซ้ำกัน และยังมีออนเซ็นที่เป็น Open Air ซึ่งสามารถชมฟูจิไป แช่ไป เพลินมั๊ยหล่ะคะ เป็นใครก็อยากโดนป่ะ 555

เสร็จละแถบนั้นของดีคือองุ่นคร้า เป็นองุ่นที่อร่อยสุดในญี่ปุ่น และช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ยังมีดอกไม้ให้ชมอีกด้วย นับว่าที่นี่เป็นจุดที่เลิศมาก เหมาะสำหรับคู่รักหรือกลุ่มเพื่อนๆ ไปเที่ยวและถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

ที่ตั้ง : จังหวัดยามานาชิ
การเดินทาง : ด้วยรถบัสสายเคโอ จากสถานีชินจุกุที่ทางออก West ที่สถานีโตเกียว เจอาร์ บัส หรือรถไฟสายเจอาร์สายชูโอที่ไปถึงคาวากุชิโคะ โดยขึ้นได้ทั้งที่สถานีโตเกียว และสถานีชินจุกุ
ที่พักแนะนำ : ฟูจิ เลค โฮเทล ชอบที่นี่เลยค่ะ ไม่ได้ไกลมาก เดินทางพอไหว ส่วนห้องก็มีหลากหลายแบบดี เลยรู้สึกว่าตัวเองโอมากๆ สำหรับที่นี่ เห็นฟูจิได้ตัวเป้งๆ เลยค่ะ ราคาพอไหว แต่จองยากมากต้องล่วงหน้าสักนิด

 

2

2. Hakone
ที่นี่เดินทางเพียงชั่วโมงกว่าๆ จากโตเกียว ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ รถไฟ รสบัสก็สะดวก มีน้ำแร่ชั้นดี แถมยังมีจุดท่องเที่ยวอีกเพียบ เลยทำให้เป็นที่นิยมกันมาก ไม่ว่าจะไปนั่งเรือไวกิ้ง หรือขึ้นโรฟเวย์ชมวิว เวลาที่น่าไปที่สุดน่าจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เพราะจะสวยมากๆ เรียกได้ว่าที่นี่เลยเป็นแหล่งที่นิยมเพราะมีเรียวกัง รีสอร์ท โรงแรม เยอะด้วย

ที่ตั้ง : จังหวัดคานากาว่า
การเดินทาง : การเดินทางไปได้หลายสาย เพราะที่นั่นเดินทางเพียง 20 กว่านาที จากสถานีโอดาวะระ ด้วยรถไฟสายเจอาร์ และสายโอดะคิว
ที่พักแนะนำ : Hakone Yumoto Onsen Hotel Senkei ที่นี่ก็เดินทางสะดวกจากฮาโกเน่นะไม่ได้ซับซ้อนไรมาก แต่พูดเลยว่าห้องพักที่นี่ ก็นับว่าไม่แพงถ้าเทียบกับสภาพห้องพักและการได้แช่ออนเซ็นในฮาโกเน่แล้วละก็ มันยอดมาก

2

3. Kinugawa Onsen
จังหวัดนี้เป็นแหล่งออนเซ็นชั้นดีที่มีออนเซ็นประเภทฮิโตอยู่ด้วย ที่ใกล้ๆ กันนั้นเป็นยุนิชิกาว่าออนเซ็น แต่เห็นว่าที่นั่นไกลเกินเอื้อม แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวไทยไปที่นั่นเยอะเหมือนกัน และที่ขาดไม่ได้คือที่นี่อยู่ใกล้ๆ กลับนิกโก้ เลยทำให้ใครที่ไป สามารถจะเที่ยวชมศาลเจ้าหรือน้ำตก ธรรมชาติอีกเพียบ มีหมู่บ้านเอโดมูระ ให้เราย้อนยุคไปในสมัยเอโดะ และที่สำคัญในช่วงเดือน 4 ก็นิยมไปเก็บสตรอเบอรี่กันด้วย เพราะที่นี่จัดว่ามีสตรอเบอรรี่ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น

ที่ตั้ง : จังหวัดโทชิคิ
การเดินทาง : การเดินทางไปได้หลายสาย มีทั้งรถไฟธรรมดาด้วยรถสายโทบุ และรถไฟความเร็วสูงสเปเชียล โดยสามารถขึ้นจากอาสะกุสะ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงในการเดินทาง หรือบางท่านมีตั๋วเจอาร์แล้วอยากให้ประหยัดละก็ จัดเจอาร์ โทบุนิกโก้ ไปลงที่สถานีรถไฟ JR Nikko จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย TOBUNIKKO – SHIMOIMAICHI เพื่อจะไปลงที่สถานี Kinukawa Onsen
ที่พักแนะนำ : ที่ คินุกาวา ปาร์ค โฮเทล ที่นี่เดินทางสะดวกมาก และห้องพักไม่แพงเลยค่ะ คนเลยนิยมไปกันอ่ะ พูดแล้วคิดถึง ชอบคินูกาว่ามากๆ เลย โอว!!!

4

4. Kusatsu Onsen
ที่นี่นับเป็นออนเซ็นเลื่องชื่อของญี่ปุ่นมากๆ เนื่องด้วยน้ำแร่เค้าดีจริงๆ อยู่ในจังหวัดกุมมะ ซึ่งคนญี่ปุ่นให้เครดิตว่าเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ แค่คนไทยยังไม่รู้จักเท่านั้นเอง แต่พูดเลย ที่นี่นับเป็นจุดที่น่าเที่ยวมาก เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่เดินทางไม่ไกลจากโตเกียวมาก ที่จังหวัดนี้มีเชอรี่ที่อร่อยอีกด้วย ทัวร์เก็บผลไม้ของกุมมะก็เลิศนะคะ แถวๆ นี้มีรีสอร์ท เรียวกังมากมายพร้อมสิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือกาแฟ ที่นี่ขึ้นชื่อค่ะ

ที่ตั้ง : จังหวัดกุมมะ
การเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟ JR Limited express Kusatsu โดยเดินทางจากสถานี Ueno และไปลงที่Naganohara-Kusatsuguchi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือบางท่านมีตั๋วเจอาร์ พลัส ก็ถ้าอยากนั่งชินกันเซ็นเล่นดูก็ไปนั่งชินกันเซ็นสายทานิกาว่าและลงที่ Takasaki จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR และลงที่สถานี Naganohara-Kusatsuguchi ซึ่งจะต้องทำการต่อรถจึงคิดว่าวิธีแรกเวิร์คกว่านะคะ
ที่พักแนะนำ : อิจิดะยะ เรียวกังที่นี่ถือเป็นเรียวกังที่ราคาพอเอื้อมได้เดินไม่ไกลจากบัสสต๊อปมาก นักเพียงเดิน 5 นาที จึงคิดว่าเหมาะกับคนไทยอย่างเราๆ มากที่สุดค่ะ แล้วก็สภาพรอบๆ โรงแรมสวยงามใช้ได้ด้วย

5

5. Yufuin Onsen
ที่นี่ เป็นเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ที่นี่สามารถเดินไปถึงภูเขา Yufudake ในจังหวัด Oita ที่นั่นได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดออนเซ็นแห่งเกาะคิวชูเลยนะ ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบที่นี่มากเพราะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยเว่อร์ แต่ประกอบไปด้วยจุดท่องเที่ยวที่มิทั้งพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ร้านอาหารที่ดูทันสมัย ผู้หญิงเลยจะชอบที่นี่ ใครที่อยากบอกรักสาวไปที่นี่สิคะ อาจมีเคลิ้มได้นะ อิอิ

ที่ตั้ง : จังหวัดโออิตะ
การเดินทาง : จากสถานี Oita ถึงสถานี Yufuin เดินทางด้วยรถไฟสาย Limited Express Yufu โดยประมาณ 50 นาที วันนึงจะมีรถด่วนแบบประมาณ 4 รอบ ต้องเช็คเวลาก่อนการเดินทางนะจ๊ะ ไม่งั้นต้องจัดรถหวานเย็นซึ่งจะมีความเร็วหลายระดับ (หรือว่าช้าหว่า 55 ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงเศษๆ หรือใครที่ต้องการขึ้นรถไฟ ขบวนพิเศษ Yufuin No Mori สามารถใช้ JR Pass ก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่งแต่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า
ที่พักแนะนำ : ที่ Yufunoshou เป็นเรียวกังที่ค่อนข้างไกลจากสถานีเพราะที่นี่มีแต่ธรรมชาติและอาหารอร่อยๆ จึงต้องเดินทางไกลนิดหน่อย เค้ามีรถเซิทเทรินบัสบริการจากสถานีนะจ๊ะ หุหุ ที่นี่อาหารเย็นอร่อยมากค่ะ

6

6. Noboribetsu Onsen
ถ้าไปเยือนฮอกไกโดก็แน่นอนเลย ที่โนโบริเบะซึ นับเป็นจุดที่เป็นน้ำแร่ออนเซ็นที่ดีที่สุดในแถบฮอกไกโดเลยนะ ใครไปจะได้กลิ่นกำมะถัน และไฮโดเจนซัลไฟด์ ลอยๆ มาเป็นระยะๆ ที่นี่มีหุบเขาหลายจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และจัดเป็นเมืองเล็กๆ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย น้ำแร่ที่นี่จะมีสรรพคุณเด่นเรื่องผิวพรรณของคนที่ได้แช่ และผลพลอยได้ก็จะผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของร่างกาย เรียวกว่าถ้าไปซัปโปโรแล้วมีเวลาก็ไปเยือนโนโบะริเบะซึ ก็ไม่เลวนะคุณ

ที่ตั้ง : จังหวัดฮอกไกโด
การเดินทาง : ใช้รถไฟสาย JR Sapporo ขบวน Limited Express Hokuto หรือ Limited Express Super Hokuto ไปลงที่สถานี JR Noboribetsu โดยใช้เวลาประมาณ 70 นาที ถ้านั่งรถธรรมดาจะนานมากคร้า หลับยาวแน่
ที่พักแนะนำ : โนโบริเบ็ทสึ มันเซคะคุ ที่นี่เก๋กู๊ดด้วยพื้นที่อยู่แล้ว รอบนอกก็งาม ในเรียวกังก็สวย เฮ่อ ไปฮอกไกโดก็ทนนั่งรถไฟหน่อยนะ รับรอง

7

7. Beppu Onsen
เบปปุนับเป็นจุดที่มีออนเซ็นขึ้นชื่อว่าออนเซ็นนรก 555 ที่นี่ตั้งอยู่ในเกาะคิวชู และอยู่ในจังหวัดโออิตะ ออนเซ็นที่นี่มีหลายสีมาก บอกเลยที่นี่โอโมชิโร่ย มากๆ (น่าสนใจ) เบปปุมีทั้งบ่อออนเซ็นสีแดงเหมือนเลือด ออนเซ็นสีฟ้ารักษาโรคผิวหนัง จึงจัดว่าออนเซ็นที่นี่มีสีที่แปลก และมีสรรพคุณที่ต่างกัน และจัดว่าเป็นจุดที่มีแหล่งออนเซ็นใหญ่มากในญี่ปุ่นที่นี่เราจะได้ยินคน เขียนภาษาทัวร์กันบ่อยว่า ทัวร์ขุมนรก (Beppu Hell Tour) อะไรก็แล้วแต่นะ คือเค้ามีบ่อให้ชม 8 บ่อค่ะ แต่ละบ่อก็ชื่อแบบว่าเท่ห์มากไม่ว่าจะเป็นบ่อทะเลเดือด บ่อเลือดนรก บ่อนรกสีขาว บ่อเทอร์นาโดนรก บ่อโคลนเดือด บางบ่อสามารถต้มไข่จากบ่อรับประทานได้สะงั้นมันยอดมากใช่มั๊ยหล่ะ!!

ที่ตั้ง : จังหวัดโออิตะ
การเดินทาง : สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR Nippo เพื่อไปลงที่สถานี Beppu ที่นั่นจะมีออนเซ็นเรียวกังใกล้ๆ กับสถานีมากมายและมีจุดท่องเที่ยวชมบ่อออนเซ็นอีกด้วย ถ้า ใครเดินทางมาจากเมืองไทยลงที่สนามบินฟุกุโอกะ จะไกลนะคะ แต่ว่าก็ทำได้ เพราะเรามีเครื่องจากไทยไปฟุกุโอกะ คือลงที่สนามบินจากนั้นเลือกเอาค่ะว่าจะต่อรถไฟ หรือบัส ถ้าเป็นรถไฟนะคะ ก็จัด JR Limited Express Sonic ซึ่งเราต้องนั่งยาวไปเลยค่ะ 160 กม. ก็ประมาณ 2 ชม. นะคะ
ที่พักแนะนำ : โอ้ย! ที่นี่งามอ่ะที่ โฮเทล นิว มาซุมิ ใช้เวลาเดินก็สิบนาทีแต่คุ้มนะ ขำๆ ไป และมันคุ้มนะจะบอกเลยอาหารอร่อย ทะเลสวยยยย หาแบบนี้ยากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่คนจะชอบที่นี่เพราะถูกและสวยมากๆ นี่เอง

8

8. Kurokawa Onsen
ยังๆ ไม่ไปจากคิวชูนะ ที่นี่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะคิวชู ครั้งนี้เราจะพาไปหาคุมามง เอ้ยไม่ใช่ ไปคุมาโมโต้กัน 555 แต่อยู่ทางตอนเหนือของเขาอะโสะซึ่งสามารถเดินทางจากที่นั่นโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่มีชื่อเสียงจุดนึงของเมืองออนเซ็นขึ้นชื่อเลยนะ คนญี่ปุ่นจะนิยมมาที่นี่กันมาก เนื่องจากที่นี่ให้บรรยากาศที่ไม่เหมือนอยู่ในเมือง เพราะจะไม่มีตึกอาคารอะไรมากลักษณะเป็นธรรมชาติ และมีรีสอร์ทเยอะจึงทำให้ที่นี่เหมาะกับวันพักผ่อนของหลายๆ คนที่ชอบแนวธรรมชาติ ออนเซ็นของที่นั่นจะมีทั้งหมดสามชนิดที่ขึ้นชื่อแบบที่แนะนำคือการอาบน้ำแบบ “Nyuyoku tegata” ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการบำบัดคนที่มีปัญหาหรืออาการเจ็บปวดทางเส้นประสาทต่างๆ

ที่ตั้ง : จังหวัดคุมาโมโตะ
การเดินทาง : ที่นี่ไม่มีรถไฟเข้าถึง แต่หากเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Kumamoto โดยขึ้นรถบัสต่อจากที่นั่นด้วยสาย Kyushu-Odan ที่เดินทางไปยัง Kurokawa Onsen (ประมาณ 150 นาที) จากฟุกุโอกะ จะมีรถบัสเดินทางมาถึงที่นี่โดยใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงครึ่ง
ที่พักแนะนำ : ยามาบิโกะ เรียวกัง เพราะติดใจออนเซ็นที่นี่นะ มันงามมมมมเว่อร์ ตอนแรกเห็นก็เฉยๆ พอดูจุดโอเพ่นแอร์นี่พูดเลย สุดยอด และไม่อยากกลับโตเกียว

9

9. Gero Onsen
เกโระออนเซ็น มีใครรู้จักบ้างน้อ ห่างจากทาคายาม่า โดยถ้านั่งรถด่วนก็ครึ่งชั่วโมงอ่า ที่เกโระนี่เค้ามีเป็นจุดที่มีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็นหนึ่งในสามของญี่ปุ่น นะ ทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและต่างประเทศต่างก็นิยมไปกันอยู่หรอก เพราะออนเซ็นที่นี่มันเทพค่ะ แต่ที่นักท่องเที่ยวไทยยังไปน้อยเพราะอาจจะไม่ค่อยรู้จักจังหวัดกิฟุ ฉะนั้นเรามาทำความรู้จักที่นี่กันให้มากขึ้นเลยนะ น้ำแร่ที่นี่มีสภาพเป็นด่าง (alkaline) เยอะหน่อยค่ะ การที่เราแช่ออนเซ็นนี้จะทำให้ผิวพรรณวิ๊งๆ ที่นี่เป็นหมู่บ้าน Gero Onsen Gasshomura ลักษณะของหลังคาจะเป็นแบบทรงสูง และที่นี่งามทุกฤดูขอบอก และมีแต่สิ่งแวดล้อมงามๆ คือเรียกได้ว่าเรามาที่นี่ก็เหมือนหลุดไปอีกโลกอ่ะ การเดินทางก็สุดแสนจะง่ายค่ะ คิดว่าคนที่ไม่ชอบเดินทางลำบากก็ไปถูก

ที่ตั้ง : จังหวัดกิฟุ
การ เดินทาง : สามารถเดินทางได้จากทาคายาม่า ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มาลงที่สถานี Gero ได้เลยค่ะ ที่สถานีบางโรงแรมที่อยู่ไกลจะมีคนมารับ ลงมาบางทีจะเห็นหลากหลายโรงแรมถือป้าย รอรับเรา แบ่งการเดินทางออกอีกสองรูทนะ จากการนั่งชินกันเซ็น และจากนาโกย่าจาก สถานี Tokyo หรือ Shin Osaka ขึ้นรถไฟชินกันเซ็นเพื่อไปลงที่สถานีนาโกย่า จากที่นั่นนั่งรถสาย Takayama Main Line เพื่อไปลงที่สถานี Gero หรือจากสถานี Nagoya นั่งรถไฟสาย Takayama main ประมาณ 90 นาที ลงที่สถานี Gero
ที่พักแนะนำ : จัด ที่นี่ไปค่ะ คิดว่าเลือกแนะนำที่นี่เพราะ Suimeikan เพราะออนเซ็นเค้างาม และสำหรับที่นี่แล้วที่ไหนคงสวยหมดแต่อยากให้ที่เดินทางสะดวกๆ กับเพื่อนๆ เท่านั้นเอง

10

10. Okuhida Onsen
นี่เขียนถึงอันดับสุดท้าย เพิ่งมารู้ตัวว่าเอ้ย!นี่เราชอบออนเซ็นไปรึเปล่า 555 สายไปละ นี่เรียกว่าสองปีนี้ถลำลึกลงไปในบ่อแล้ว เอาไม่อยู่ เข้าเรื่องละนะ Okuhidaonsen Town เป็นหนึ่งใน 5 จุดที่มีออนเซ็นจากน้ำพุร้อนที่ส่งตรงมาจากทางใต้เทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ น้ำแร่ที่ได้รับจากเส้นทางโอคุฮิดะออนเซ็นมีหลายหมู่บ้านเลยที่ได้รับ เลยทำให้ที่นี่มีจุดท่องเที่ยวที่กระจายกันไปเป็นโซนๆ ใครชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขา ขึ้นกระเช้าโรฟเวย์ที่นั่นมีหมด เรียกว่าแจ่ม เก๋กู๊ดดดคร้า

ที่ตั้ง : จังหวัดกิฟุ
การเดินทาง : เดินทางจากสถานี JR Takayama ด้วยรถบัสประมาณ 60 นาที และเดินทางด้วยรถบัสที่สถานี Matsumoto โดยใช้เวลาประมาณ 85 นาที
ที่พักแนะนำ : ที่นี่นับเป็นจุดที่เดินทางสะดวก ราคาไม่สูงมากนัก จึงคิดว่าเหมาะกับคนไทย เพราะที่ไหนๆ ในโอคุฮิดะ พูดเลยว่าเด็ดนะ

ทั้งหมดทั้งปวงก็เป็นการจัดอันดับจากสถิตินะคะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปีหน้าเหอะ ใครจะไปรู้เนอะ มีอีกหลายที่นะคะ แถวเฮียวโกะ อะไรก็สวยงาม แต่พูดเลยว่านักท่องเที่ยวก็ยังน้อยอยู่เพราะอาจจะติดเรื่องการเดินทางค่ะ ที่อิสุก็เด็ด แต่ก็ยังสู้รายการที่ 1 – 10 ไม่ได้จริงๆ โดยส่วนตัวชอบอิสุมาก และอยากให้คนไปเที่ยวเยอะๆ นะวันนี้ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะ ยาวมากกก

ที่มา http://www.marumura.com อ่านเรื่องต้นฉบับที่ http://www.marumura.com/travel/?id=6099

การไปเที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือ

internet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่น
เพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆ
เคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

More

สัมผัสประสบการณ์หิมะที่่ลานสกี

สัมผัสประสบการณ์หิมะที่่ลานสกี

 

สกีและสโนว์บอร์ดเป็นกีฬาฤดูหนาวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกนิยมไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่น โดยนักสกีต่างชาติให้สมญานามหิมะที่ญี่ปุ่นว่า Japanese powder เพราะมีความนุ่มเหมือนปุยเมฆที่เกิดจากการผสมที่ลงตัวระหว่างเนื้อหิมะและอากาศที่สอดแทรกอยู่ข้างใน  โดยเฉพาะนักสกีแนว Back Country ที่จะเล่นสกีตามป่าเขา ธรรมชาติ (แนวป่าด้านหลัง ลานสกี) พราะต้องการลื่นไสลต์ไปตามปุยหิมะที่ยังใหม่ไม่มีร่องรอยการถูกไสลต์และถูกอัดทับถมกันแน่นเหมือนหิมะบนลานสกี แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวสกีแบบ Back Country จะการเล่นสกีที่ออกจะเผจิญภัยท้าทายและสี่ยงอันตรายจากการหลงทิศในป่า หรือ จนในหลุมหิมะหรือถูกหิมะถล่ม ที่มักจะมีข่าวบ่อยๆและมีนักสกีหลายรายที่ได้รับบาทเจ็บหรือเสียชีวิต

สกี ๒

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย สกีเริ่มเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากขึ้น จะเห็นได้ว่าจะเริ่มมีทัวร์สกีหรือทัวร์สำหรับหัดเล่นสกีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ลานสกีเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี แต่คุณทราบไหมว่าในเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคม ยังมีลานสกีที่ญี่ปุ่นจำนวนมากที่ยังเปิดให้บริการให้คุณได้สัมผัสหิมะอยู่

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกีหรืออยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆขอแนะนำสถานที่เล่นสกีจากสกีรีสอร์ทที่มีอยู่กว่า 500 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น

ช่วงที่เหมาะสมเล่นสกีคือ ฤดูหนาว : ธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์

เสื้อผ้าที่ควรเตรียมสำหรับการไปลานสกี ควรเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม เช่น เสื้อและกางเกงแขนขนยาวด้านใน สำหรับให้ความอบอุ่นกับร่างกาย จำเป็นต้องมีเสื้อคลุมโอเวอร์โค๊ต ชุดผ้าขนสัตว์และแจ๊กเก็ต ถ้าเป็นแบบกันน้ำได้ก็ยิ่งดี ผ้าพันคอแบบหนา ถุงมือ หมวกไหมพรมแบบกันหนาวได้ ถ้าหนาวมากอาจต้องมีที่ปิดหู ส่วนถุงเท้าให้ใส่แบบหนาๆ รองเท้าหุ้มข้อหรือรองเท้าบูทที่กันน้ำและหิมะได้ ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นอยู่เสมอ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการไปเล่นสกี เสื้อผ้าหนาสำหรับใส่เล่นสกี เช่น เสื้อคอเต่า เสื้อแขนยาว และอื่น, กางเกงลองจอน สำหรับกันหนาว, ถุงมือ กันน้ำ และแบบอุ่นมาก, ถุงเท้าแบบหนาและยาว, หมวกคลุม, ผ้าพันคอหรือปลอกสวมคอกันลม, ที่ปิดหู สำหรับกันหนาว, แว่นตาสำหรับเล่นสกี หรือกีฬาเกี่ยวกับหิมะ, ยาประจำตัว, ครีมทาผิว กันผิวแตก, ครีมกันแดด, ถุงอุ่นหรือแผ่นแปะให้ความร้อน, ประกันระหว่างเดินทาง

สิ่งที่หาเช่าได้ที่ลานสกี ชุดเล่นสกี เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงมือสกี, รองเท้าสกี, ไม้ค้ำ, หมวกกันน็อค

การเตรียมตัวล่วงหน้า แนะนำให้ เตรียมออกกำลังกาย ระวังยืดกล้ามเนื้อไว้ล่วงหน้า และระวังรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศหนาวจนติดลบ

 

เครดิตข้อมูล http://www.yokosojapan.org/th

การไปเที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือ

internet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่น
เพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆ
เคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

More

ไฟจราจรในชนบทญี่ปุ่น เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

ไฟจราจรในชนบทญี่ปุ่น เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวหาเพื่อนชาวญี่ปุ่นซึ่งอาศัยในภูมิภาค โทโฮกุ Tohoku เมื่อง ริฟุ Rifu ก้อเป็นหมู่บ้านชนบทธรรมดาๆ ทั่วไปพอไปเจอเพื่อนก้อพาเที่ยวรอบเมืองและสถาณที่สำคัญในเมืองตามปกติ

วันแรกเพื่อนก้อพาขับรถไปเที่ยวรอบๆเมือง  ก้อจะมาเจอสี่แยกไฟแดงเล็กๆ ที่มีทางรถไฟ วิ่งขนานไปกับถนนพอดีตอนแรกเพื่อนก้อขับรถตรงไปจอดตรงสี่แยกเพราะติดสัญญาณไฟแดงพอดี ซึ่งทุกอย่างก้อปรกติไม่มีอะไร พอไฟเขียวก้อขับรถออกไป(ในญี่ปุ่นก่อนจะขับรถจะข้ามทางรถไฟตามกฏจราจรต้องจอดรถดูซ้ายขวา ว่ามีรถไฟวิ่งหรือเปล่าจึงขับรถข้ามทางรถไฟไปได้และถ้ารถไฟวิ่ง ก้อจะมีแผงกั้นไม่ให้รถวิ่งเข้ามาได้)

วันต่อมา พวกเราออกเดินทางไปเที่ยวต่อ เพื่อนก้อขับรถพาออกไปในเส้นทางเดิมและต้องผ่าน สี่แยกไฟแดงที่เดิมพอเพื่อนขับรถไปห่างซักระยะ 30 เมตร  ผมพยายามสังเกตสัญญาณไฟว่าเป็นสีอะไร ปรากฏว่าสัญญาณไฟไม่แสดงสีใดๆออกมาเลย

ผมรีบขยี้ตาและเพ่งดูอีกรอบแน่นอนล่ะ ไฟจราจรเสียแน่ๆเลยจึงรีบสะกิดเพื่อนใหญ่ …ระวังๆ ขับช้าๆ ไฟจราจรเสียนะ…

เพื่อนก้อไม่พูดอะไร และชลอรถเพื่อจอดและมองซ้ายขวา ก่อนที่จะข้ามทางรถไฟและมุ่งตรงไปยังสี่แยกจากนั้นเพื่อนออกรถเพื่อข้ามทางรถไฟและจะไปเจอ สี่แยกไฟแดง ระยะห่างจากไฟจราจรประมาณ  5-7 เมตร ผมก้อเห็นสัญญาณไฟเป็นสี เขียว( อ้าวเมื่อกี้ ไฟยังเสียอยู่เลยตอนนี้ ไฟติดแล้ว…..คิดในใจ) และเพื่อนก้อขับรถผ่านไปสี่แยกไปตามปกติ

เพื่อนออธิบายว่า ไฟจราจรไม่ได้เสียหรอก กรณีไฟแดงเราจะเห็นแต่ไกลเลยเพราะจะไม่มีปัญหา คนขับรถจะต้องจอดตรงทางรถไฟก่อน 1 ครั้งและขยับมาจอดตรงไฟแดงเป็นเรื่องปกติจะมีปัญหา ตอนเป็นไฟเขียว เพราะถ้าคนขับรถใจร้อนรู้ว่าเป็นไฟเขียวก้อจะไม่ยอมจอดรถให้สนิทก่อนตรงทางรถไฟพื่อดูว่ารถไฟมาหรือเปล่าแต่จะรีบออกรถเร่งสปีดเพื่อให้ทันไฟเขียว อาจจะละเลยการจอดรถให้สนิทเตรงทางรถไฟได้ และจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นแต่ถ้าเราไม่รู้สัญญาณไฟข้างหน้าเป็นสีเขียวหรือสีแดง เราก้อจะต้องชลอรถและดูให้แน่ใจว่าเป็นไฟเขียวถึงจะผ่านไปได้นั่นเองครับ

ภูมิปัญญาญี่ปุ่นง่ายๆแต่ได้ประโยชน์และลึกซึ้งจริงๆ

red1 new

(สัญญาณไฟสีเขียวแต่มองในระยะไกลเกิน 10 เมตรจะไม่เห็น ต้องขับข้ามทางรถไฟก่อนถึงจะเห็นทำให้คนขับรถไม่กล้าขับเร็ว)

red2 new

(สัญญาณไฟสีแดงจะมองเห็นได้ปกติในระยะไกลเพื่อให้รถชะลอจอดตรงทางรถไฟ และจอดตรงไฟแดง)

ที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือinternet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่นเพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆเคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เการไปเพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

 

 

 

 

 

More