All posts by Japan Wifi

เที่ยวญี่ปุ่นไปกับ 10 อันดับสุดยอดเมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัย

เที่ยวญี่ปุ่นไปกับ 10 อันดับสุดยอดเมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัย

ตะลุยสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งอาจโนเนมแต่ฮ็อตฮิตในหมู่ชาวยุ่น รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นนี้มีไอเดียแจ่มวางแผนไปที่เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองกับเมืองท่องเที่ยวโดนใจ

ประเทศญี่ปุ่น (Japan) เดสติเนชั่นยอดนิยมตลอดกาลของนักเดินทางชาวไทย ประเทศที่มีจุดท่องเที่ยวทั้งความสวยงามทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม โด่งดังเรื่องแฟชั่น ดนตรีและการบันเทิง รวมไปถึงการครัวที่ลือชื่อไปรอบโลก ที่สำคัญอีกอย่าง คือ การท่องเที่ยวญี่ปุ่นสามารถทำได้ได้ทั้งปี ไม่ว่าจะไปชมดอกไม้หรือไปร่วมงานเทศกาลท้องถิ่น ญี่ปุ่นมีภาษาหลัก คือ ภาษาญี่ปุ่น แต่ก็ไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะอัธยาศัยไมตรีของชาวญี่ปุ่นนั้น นับว่าเป็นเลิศไม่รองชาติไหน สกุลเงินที่ใช้ คือ เงินเยน (Japanese Yen or JPY)

ท็อป 10 เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น

โตเกียว (Tokyo)

tokyo
แผนที่

จุดหมายยอดฮิตที่ติดท็อปรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นเสมอมา เมืองนี้ได้ฉายาว่า “อีสต์ มีท เวสต์” (East meets West) หมายถึง การมาบรรจบกันของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก เพราะนอกจากคุณจะได้ชมบ้านเมืองที่ยังคงด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว คุณก็ยังจะได้สัมผัสเทคโนโลยีล่าสุดของโลก และแฟชั่นแบบตะวันตกในสไตล์ญี่ปุ่น ฮาราจุกุในโตเกียวก็เปรียบได้กับถนนเมดิสัน (Madison Avenue) แห่งมหานครนิวยอร์ค (New York) นั่นเอง จัดเป็นสุดยอดสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นด้านช้อปปิ้งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเอเชียรวมทั้งไทยเราเป็นจำนวนล้นหลามทีเดียว

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ตลอดปี ฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน และช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ราวเดือนพฤศจิกายน

เกียวโต (Kyoto) ใกล้กับโอซาก้า (Osaka)

kyoto
แผนที่

เมืองยอดฮิตอีกแห่งของแดนซากุระ สำหรับคนที่ชื่นชมศิลปวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ทั้งวัดโบราณที่ทำให้คุณเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบพันปีก่อนในย่างก้าวแรกที่เดินเข้าไป และเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจเลยหากคุณจะเดินสวนกับเกอิชาในชุดกิโมโนบนถนนใจกลางเมือง และการเข้าร่วมพิธีชงชาญี่ปุ่นแบบโบราณ ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพลาดสำหรับการไปเยือนเกียวโต

ไปเที่ยวช่วงไหนดี ช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวมากที่สุด คือ ฤดูใบไม้ผลิราวเดือนมีนาคมและฤดูใบไม้ร่วงราวเดือนตุลาคม ทั้งนี้ในช่วงเดือนเมษายนก็จะเป็นช่วงเทศกาลใหญ่ประจำปี เทศกาลมิยาโกะ (Miyako Odori)

โอซาก้า (Osaka)

osaka
แผนที่

เมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศ นอกจากจะเป็นเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านอาหารในราคาย่อมเยา เพราะไม่ว่าจะมุมไหนของเมือง คุณก็สามารถหาร้านอาหารรสชาติเป็นเลิศ แต่ราคาสบายกระเป๋าได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งญี่ปุ่น และสวนลอยน้ำ (Floating Garden Observatory)

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ตลอดปี ฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน

ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

fukuoka
แผนที่

อีกเมืองหลักของมิตรรักนักชิมและคนรักอาหารทะเล นอกจากนี้ยังเป็นบ้านเกิดของบะหมี่ราเม็งอันลือชื่อของญี่ปุ่น ฉะนั้นรับรองว่าหากไปเยือนฟุกุโอกะ คุณจะไม่มีทางพลาดการชิมราเม็ง เพราะร้านบะหมี่ข้างทางถือเป็นร้านอาหารยอดนิยม ไม่ต่างจากรถขายไส้กรอกในอเมริกา หรือแผงขายส้มตำบ้านเรา นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีคุณภาพการใช้ชีวิตสูง ถึงกับได้ฉายาว่าเป็นเมืองที่รีเล็กซ์ (Relax) หรือเครียดน้อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ไปเที่ยวช่วงไหนดี ฤดูกาลท่องเที่ยวยอดนิยมจะอยู่ราวเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลโกลเด้นวีค (Golden week) และในช่วงเดือนกันยายน-เดือนตุลาคมก็เป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายน่าไปเที่ยวอีกช่วงหนึ่ง

นารา (Nara) ใกล้กับโอซาก้า (Osaka)

nara
แผนที่

เมืองนาราหรือเมืองแห่งกวาง ทุกหนแห่งที่คุณเดินทางไปเที่ยว คุณจะพบเห็นกลุ่มกวางอันเป็นมิตรกับผู้คน นอกจากนี้นารายังถือเป็นแหล่งกำเนิดของขนบธรรมเนียมสำคัญๆ ของชาวญี่ปุ่น เมืองนารานี้มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsuden) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดของโลก วัดโฮริวจิ (Horyu-ji Temple) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของโลกและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับวัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดเก่าแก่ที่สุดของเมือง

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ตลอดปี ฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน และช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ราวเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคม

เฮียวโงะ (Hyogo) ใกล้กับโกเบ (Kobe) และโอซาก้า (Osaka)

hyogo
แผนที่

เมืองเฮียวโงะตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเกียวโตและโอซาก้า เป็นที่ตั้งของปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ที่งดงามที่สุดของประเทศและได้รับการยกให้เป็นเขตมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) และถัดจากปราสาทก็เป็นสวนสาธารณะกว้างกว่า 33,000 ตรม. เป็นจุดชมดอกซากุระยอดนิยม จนถึงขั้นจัดเป็นงานประเพณีขึ้นทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิชื่อว่า “เทศกาลชมดอกซะกุระยามราตรี” (Himeji Hana Akari Night View of Cherry Blossom Festival)

ไปเที่ยวช่วงไหนดี ฤดูกาลท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดจะอยู่ในช่วงชมดอกไม้บานในราวกลางเดือน-ปลายเดือนมีนาคม

คารุอิซาวะ-มาชิ (Karuizawa – machi) ใกล้กับโตเกียว (Tokyo)

kuruizawa
แผนที่

เมืองนี้จะเป็นสวรรค์ของคนรักป่าเขาลำเนาไพร ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก บ่อน้ำพุร้อน ภูเขา เมืองธรรมชาติแห่งนี้มีทุกอย่างสำหรับนักธรรมชาตินิยม แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่อยากจะชมทั้งธรรมชาติและช้อปปิ้งในทริปเที่ยวญี่ปุ่นทริปเดียว เพราะเขตช้อปปิ้งคารุอิซาวะกินซ่า (Karuizawa Ginza) นั้นเป็นแหล่งจับจ่ายชั้นดีที่จะให้คุณเพลิดเพลินได้ตลอดวัน

ไปเที่ยวช่วงไหนดี สามารถเที่ยวได้ทั้งปีแต่จะเป็นที่นิยมมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนกลางปี

ฮากุบะ-มุระ (Hakuba – mura) ใกล้กับมัสซูโมโต้ (Matsumoto)

hakuba
แผนที่

เมืองเล็กๆ ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) นี้ อาจไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักสำหรับคนไทย แต่เป็นแหล่งสกีอันลือชื่อของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางภูเขาฮากุบะ (Hakuba) ซึ่งเปรียบได้กับเทือกเขาแอลป์ (Alps) ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาบน้ำแร่ แช่น้ำพุร้อน ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของประเทศด้วย

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เหมาะแก่การไปเยือนในช่วงฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์) และช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ราวเดือนตุลาคม

ทาคายามะ (Takayama) หรือฮิดะ-ทาคายามะ (Hida-Takayama) ใกล้กับมัสซูโมโต้ (Matsumoto)

takayama
แผนที่

เมืองท่องเที่ยวเมืองเล็กๆ ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) ที่แม้จะเล็กแต่ก็เล็กพริกขี้หนู เมืองจิ๋วแต่แจ๋วเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องหมู่บ้านชิราคาวะโกะ (Shirakawago) หมู่บ้านมุงหลังคาฟางแบบโบราณที่ตั้งอยู่ชานเมืองท่ามกลางหุบเขา หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกและมีหลายหลังที่เปิดเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสภูมิปัญญาคนโบราณที่สร้างบ้านให้ทนทานทุกสภาพอากาศและยืนหยัดมาหลายศตวรรษ นอกจากหมู่บ้านแห่งนี้แล้วก็ยังมีที่เที่ยวอื่นที่น่าสนใจ เช่น ตึกที่ว่าการเมืองสมัยโชกุน ทาคายามะ จินยะ (Takayama Jinya) เขตเมืองเก่าซันมาชิ (Sanmachi) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮิดะ (Hida Folk Museum) หรือมินโซกุ-กัง (Minzoku-kan) และพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์โทมิโนะซุเกะ (Tomenosuke)

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เมืองนี้เที่ยวได้ทั้งปี เพราะในช่วงหน้าหนาวจะเป็นที่นิยมในการไปนอนผิงไฟบ้านโบราณและเล่นสกี ในฤดูใบไม้ผลิ-ร้อนก็เป็นช่วงชมดอกไม้บานและเที่ยวป่าเขา รวมไปถึงเทศกาลดอกไม้ไฟอันยิ่งใหญ่ในราวเดือนกรกฎาคมของทุกปี ในขณะที่ใบไม้เปลี่ยนสี (เดือนตุลาคม) เมืองนี้ก็สวยไม่แพ้ที่ใดเช่นกัน

ซัปโปโรหรือซัปโปะโระ (Sapporo)

suporo
แผนที่

เป็นแหล่งอาหารทะเลสดอร่อย บะหมี่ราเม็งเลิศรส และแหล่งผลิตเบียร์ขึ้นชื่อ ในช่วงฤดูหนาวของทุกปีก็จะการจัดงานเทศกาลคริสต์มาสสไตล์เยอรมันที่สวนโอโดริ (German Christmas Market at Odori Park) งานประดับไฟหน้าหนาว (Sapporo White Illumination) และตามมาด้วยเทศกาลหิมะและน้ำแข็งแกะสลักแห่งซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) ในช่วงต้นปี ส่วนที่เที่ยวก็มีมากมาย เช่น โรงเบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) สวนกลางเมืองโอโดริ (Odori Park) หอนาฬิกาเก่าประจำเมือง (Tokeidai) ตึกที่ทำการเก่าแก่ของฮอกไกโด (Hokkaido Government Building) ย่านบันเทิงซูซูกิโนะ (Susukino) ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine) สวนสัตว์มะรุยะมะ (Maruyama Zoo) และภูเขาโมอิวะ (Mt. Moiwa) เป็นต้น

ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวได้ทั้งปีเพราะมีที่เที่ยวหลากหลาย ทั้งนี้ในช่วงฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์) จะมีเทศกาลฤดูหนาวหลายงานที่เป็นที่นิยม

 

การเตรียมตัวเดินทาง

ฤดูกาลและสภาพอากาศ ญี่ปุ่นสามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี เพราะในแต่ละช่วงก็มีธรรมชาติที่สวยงามและงานเทศกาลที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ทั้งนี้ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล คือ

ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม

ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม

ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน

ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์

การเดินทางไปญี่ปุ่น มีบริการเที่ยวบินตรงไปยังสนามบินในเมืองสำคัญต่างๆ ของญี่ปุ่นหลายเมือง เช่น โอซาก้า โตเกียว ฟุกุโอกะ ซัปโปโรและนาโงย่า เป็นต้น

การเดินทางในญี่ปุ่น มีบริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ รถบัสโดยสาร รถไฟใต้ดินและบนดิน เรือเฟอร์รี่ รถแท็กซี่ รถไฟความเร็วสูงข้ามเมือง และบริการรถเช่าในเมืองต่างๆ ทำให้ไปญี่ปุ่นเองและเที่ยวเองได้ไม่ยาก

โรงแรมที่พักในญี่ปุ่น ที่พักในญี่ปุ่นมีหลายแบบ ในเมืองใหญ่ๆ จะมีตัวเลือกมากกว่าเมืองเล็กๆ ทั้งนี้ที่พักมีตั้งแต่รีสอร์ท โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ อินส์-เรียวกัง (Japanese Inns or Ryokan) โรงแรมแคปซูล (Capsule Hotel) และที่พักแนวประหยัดต่างๆ ที่เป็นที่นิยมค่อนข้างมาก

Credit : www.skyscanner.co.th

More

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย | skyscanner.co.th ชวนนักช้อปปิ้งมือฉมังเยือนเมืองหลวงของญี่ปุ่น แดนปลาดิบสีสันแห่งโลกตะวันออก เที่ยวช้อปตั้งแต่สินค้าแฟชั่นยันเครื่องไฟฟ้าและตลาดปลาระดับโลก

ช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นชั้นนำ

1

ตะลุยช้อปปิ้งโตเกียว เมืองแห่งแฟชั่นและสุดยอดเทคโนโลยีของเอเชีย | skyscanner.co.th

More

10 ออนเซ็นในญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวชอบไปกัน

10 ออนเซ็นในญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวชอบไปกัน

ออนเซ็นที่นับว่าเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่น คนต่างชาติต่างก็ชอบไปกัน จะว่าไปมันก็มีเยอะนะ ที่ไหนจะดี ที่ไหนจะดัง คือมันก็พูดยาก แต่ว่าเรามี 10 แห่งให้ลองไปดูกันว่าออนเซ็นแบบไหนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันมากที่สุด ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นน้ำแร่ที่ดีนะ เราเอาแค่ที่คนฮิต!

จะว่าไปออนเซ็นบางที่รักษาโรคได้ด้วยนะ มันเด็ดมากจริงๆ ใครไม่กล้าแก้ แก้เหอะ ขอร้อง..รับรองติดใจจร้าาาาา! แล้วบางที่ๆ เค้ามีของขาย เช่น ครีมเด้งดึ๋ง ขัดขี้ไคล หรือพวกหมักอะไรต่างๆ ซื้อมาเหอะจร้าาา ของดีๆ ทั้งนั้น ถ้าไปซื้อที่อื่นแพงกว่านะ

1

1. Kawaguchiko
ที่นี่นับเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด เนื่องจากสภาพอากาศดีๆ ได้เห็นฟูจิแบบเป้งๆ สวยทุกฤดู ไม่มีซ้ำกัน และยังมีออนเซ็นที่เป็น Open Air ซึ่งสามารถชมฟูจิไป แช่ไป เพลินมั๊ยหล่ะคะ เป็นใครก็อยากโดนป่ะ 555

เสร็จละแถบนั้นของดีคือองุ่นคร้า เป็นองุ่นที่อร่อยสุดในญี่ปุ่น และช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ยังมีดอกไม้ให้ชมอีกด้วย นับว่าที่นี่เป็นจุดที่เลิศมาก เหมาะสำหรับคู่รักหรือกลุ่มเพื่อนๆ ไปเที่ยวและถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

ที่ตั้ง : จังหวัดยามานาชิ
การเดินทาง : ด้วยรถบัสสายเคโอ จากสถานีชินจุกุที่ทางออก West ที่สถานีโตเกียว เจอาร์ บัส หรือรถไฟสายเจอาร์สายชูโอที่ไปถึงคาวากุชิโคะ โดยขึ้นได้ทั้งที่สถานีโตเกียว และสถานีชินจุกุ
ที่พักแนะนำ : ฟูจิ เลค โฮเทล ชอบที่นี่เลยค่ะ ไม่ได้ไกลมาก เดินทางพอไหว ส่วนห้องก็มีหลากหลายแบบดี เลยรู้สึกว่าตัวเองโอมากๆ สำหรับที่นี่ เห็นฟูจิได้ตัวเป้งๆ เลยค่ะ ราคาพอไหว แต่จองยากมากต้องล่วงหน้าสักนิด

 

2

2. Hakone
ที่นี่เดินทางเพียงชั่วโมงกว่าๆ จากโตเกียว ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ รถไฟ รสบัสก็สะดวก มีน้ำแร่ชั้นดี แถมยังมีจุดท่องเที่ยวอีกเพียบ เลยทำให้เป็นที่นิยมกันมาก ไม่ว่าจะไปนั่งเรือไวกิ้ง หรือขึ้นโรฟเวย์ชมวิว เวลาที่น่าไปที่สุดน่าจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เพราะจะสวยมากๆ เรียกได้ว่าที่นี่เลยเป็นแหล่งที่นิยมเพราะมีเรียวกัง รีสอร์ท โรงแรม เยอะด้วย

ที่ตั้ง : จังหวัดคานากาว่า
การเดินทาง : การเดินทางไปได้หลายสาย เพราะที่นั่นเดินทางเพียง 20 กว่านาที จากสถานีโอดาวะระ ด้วยรถไฟสายเจอาร์ และสายโอดะคิว
ที่พักแนะนำ : Hakone Yumoto Onsen Hotel Senkei ที่นี่ก็เดินทางสะดวกจากฮาโกเน่นะไม่ได้ซับซ้อนไรมาก แต่พูดเลยว่าห้องพักที่นี่ ก็นับว่าไม่แพงถ้าเทียบกับสภาพห้องพักและการได้แช่ออนเซ็นในฮาโกเน่แล้วละก็ มันยอดมาก

2

3. Kinugawa Onsen
จังหวัดนี้เป็นแหล่งออนเซ็นชั้นดีที่มีออนเซ็นประเภทฮิโตอยู่ด้วย ที่ใกล้ๆ กันนั้นเป็นยุนิชิกาว่าออนเซ็น แต่เห็นว่าที่นั่นไกลเกินเอื้อม แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวไทยไปที่นั่นเยอะเหมือนกัน และที่ขาดไม่ได้คือที่นี่อยู่ใกล้ๆ กลับนิกโก้ เลยทำให้ใครที่ไป สามารถจะเที่ยวชมศาลเจ้าหรือน้ำตก ธรรมชาติอีกเพียบ มีหมู่บ้านเอโดมูระ ให้เราย้อนยุคไปในสมัยเอโดะ และที่สำคัญในช่วงเดือน 4 ก็นิยมไปเก็บสตรอเบอรี่กันด้วย เพราะที่นี่จัดว่ามีสตรอเบอรรี่ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น

ที่ตั้ง : จังหวัดโทชิคิ
การเดินทาง : การเดินทางไปได้หลายสาย มีทั้งรถไฟธรรมดาด้วยรถสายโทบุ และรถไฟความเร็วสูงสเปเชียล โดยสามารถขึ้นจากอาสะกุสะ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงในการเดินทาง หรือบางท่านมีตั๋วเจอาร์แล้วอยากให้ประหยัดละก็ จัดเจอาร์ โทบุนิกโก้ ไปลงที่สถานีรถไฟ JR Nikko จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย TOBUNIKKO – SHIMOIMAICHI เพื่อจะไปลงที่สถานี Kinukawa Onsen
ที่พักแนะนำ : ที่ คินุกาวา ปาร์ค โฮเทล ที่นี่เดินทางสะดวกมาก และห้องพักไม่แพงเลยค่ะ คนเลยนิยมไปกันอ่ะ พูดแล้วคิดถึง ชอบคินูกาว่ามากๆ เลย โอว!!!

4

4. Kusatsu Onsen
ที่นี่นับเป็นออนเซ็นเลื่องชื่อของญี่ปุ่นมากๆ เนื่องด้วยน้ำแร่เค้าดีจริงๆ อยู่ในจังหวัดกุมมะ ซึ่งคนญี่ปุ่นให้เครดิตว่าเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ แค่คนไทยยังไม่รู้จักเท่านั้นเอง แต่พูดเลย ที่นี่นับเป็นจุดที่น่าเที่ยวมาก เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่เดินทางไม่ไกลจากโตเกียวมาก ที่จังหวัดนี้มีเชอรี่ที่อร่อยอีกด้วย ทัวร์เก็บผลไม้ของกุมมะก็เลิศนะคะ แถวๆ นี้มีรีสอร์ท เรียวกังมากมายพร้อมสิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือกาแฟ ที่นี่ขึ้นชื่อค่ะ

ที่ตั้ง : จังหวัดกุมมะ
การเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟ JR Limited express Kusatsu โดยเดินทางจากสถานี Ueno และไปลงที่Naganohara-Kusatsuguchi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือบางท่านมีตั๋วเจอาร์ พลัส ก็ถ้าอยากนั่งชินกันเซ็นเล่นดูก็ไปนั่งชินกันเซ็นสายทานิกาว่าและลงที่ Takasaki จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR และลงที่สถานี Naganohara-Kusatsuguchi ซึ่งจะต้องทำการต่อรถจึงคิดว่าวิธีแรกเวิร์คกว่านะคะ
ที่พักแนะนำ : อิจิดะยะ เรียวกังที่นี่ถือเป็นเรียวกังที่ราคาพอเอื้อมได้เดินไม่ไกลจากบัสสต๊อปมาก นักเพียงเดิน 5 นาที จึงคิดว่าเหมาะกับคนไทยอย่างเราๆ มากที่สุดค่ะ แล้วก็สภาพรอบๆ โรงแรมสวยงามใช้ได้ด้วย

5

5. Yufuin Onsen
ที่นี่ เป็นเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ที่นี่สามารถเดินไปถึงภูเขา Yufudake ในจังหวัด Oita ที่นั่นได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดออนเซ็นแห่งเกาะคิวชูเลยนะ ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบที่นี่มากเพราะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยเว่อร์ แต่ประกอบไปด้วยจุดท่องเที่ยวที่มิทั้งพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ร้านอาหารที่ดูทันสมัย ผู้หญิงเลยจะชอบที่นี่ ใครที่อยากบอกรักสาวไปที่นี่สิคะ อาจมีเคลิ้มได้นะ อิอิ

ที่ตั้ง : จังหวัดโออิตะ
การเดินทาง : จากสถานี Oita ถึงสถานี Yufuin เดินทางด้วยรถไฟสาย Limited Express Yufu โดยประมาณ 50 นาที วันนึงจะมีรถด่วนแบบประมาณ 4 รอบ ต้องเช็คเวลาก่อนการเดินทางนะจ๊ะ ไม่งั้นต้องจัดรถหวานเย็นซึ่งจะมีความเร็วหลายระดับ (หรือว่าช้าหว่า 55 ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงเศษๆ หรือใครที่ต้องการขึ้นรถไฟ ขบวนพิเศษ Yufuin No Mori สามารถใช้ JR Pass ก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่งแต่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า
ที่พักแนะนำ : ที่ Yufunoshou เป็นเรียวกังที่ค่อนข้างไกลจากสถานีเพราะที่นี่มีแต่ธรรมชาติและอาหารอร่อยๆ จึงต้องเดินทางไกลนิดหน่อย เค้ามีรถเซิทเทรินบัสบริการจากสถานีนะจ๊ะ หุหุ ที่นี่อาหารเย็นอร่อยมากค่ะ

6

6. Noboribetsu Onsen
ถ้าไปเยือนฮอกไกโดก็แน่นอนเลย ที่โนโบริเบะซึ นับเป็นจุดที่เป็นน้ำแร่ออนเซ็นที่ดีที่สุดในแถบฮอกไกโดเลยนะ ใครไปจะได้กลิ่นกำมะถัน และไฮโดเจนซัลไฟด์ ลอยๆ มาเป็นระยะๆ ที่นี่มีหุบเขาหลายจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และจัดเป็นเมืองเล็กๆ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย น้ำแร่ที่นี่จะมีสรรพคุณเด่นเรื่องผิวพรรณของคนที่ได้แช่ และผลพลอยได้ก็จะผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของร่างกาย เรียวกว่าถ้าไปซัปโปโรแล้วมีเวลาก็ไปเยือนโนโบะริเบะซึ ก็ไม่เลวนะคุณ

ที่ตั้ง : จังหวัดฮอกไกโด
การเดินทาง : ใช้รถไฟสาย JR Sapporo ขบวน Limited Express Hokuto หรือ Limited Express Super Hokuto ไปลงที่สถานี JR Noboribetsu โดยใช้เวลาประมาณ 70 นาที ถ้านั่งรถธรรมดาจะนานมากคร้า หลับยาวแน่
ที่พักแนะนำ : โนโบริเบ็ทสึ มันเซคะคุ ที่นี่เก๋กู๊ดด้วยพื้นที่อยู่แล้ว รอบนอกก็งาม ในเรียวกังก็สวย เฮ่อ ไปฮอกไกโดก็ทนนั่งรถไฟหน่อยนะ รับรอง

7

7. Beppu Onsen
เบปปุนับเป็นจุดที่มีออนเซ็นขึ้นชื่อว่าออนเซ็นนรก 555 ที่นี่ตั้งอยู่ในเกาะคิวชู และอยู่ในจังหวัดโออิตะ ออนเซ็นที่นี่มีหลายสีมาก บอกเลยที่นี่โอโมชิโร่ย มากๆ (น่าสนใจ) เบปปุมีทั้งบ่อออนเซ็นสีแดงเหมือนเลือด ออนเซ็นสีฟ้ารักษาโรคผิวหนัง จึงจัดว่าออนเซ็นที่นี่มีสีที่แปลก และมีสรรพคุณที่ต่างกัน และจัดว่าเป็นจุดที่มีแหล่งออนเซ็นใหญ่มากในญี่ปุ่นที่นี่เราจะได้ยินคน เขียนภาษาทัวร์กันบ่อยว่า ทัวร์ขุมนรก (Beppu Hell Tour) อะไรก็แล้วแต่นะ คือเค้ามีบ่อให้ชม 8 บ่อค่ะ แต่ละบ่อก็ชื่อแบบว่าเท่ห์มากไม่ว่าจะเป็นบ่อทะเลเดือด บ่อเลือดนรก บ่อนรกสีขาว บ่อเทอร์นาโดนรก บ่อโคลนเดือด บางบ่อสามารถต้มไข่จากบ่อรับประทานได้สะงั้นมันยอดมากใช่มั๊ยหล่ะ!!

ที่ตั้ง : จังหวัดโออิตะ
การเดินทาง : สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR Nippo เพื่อไปลงที่สถานี Beppu ที่นั่นจะมีออนเซ็นเรียวกังใกล้ๆ กับสถานีมากมายและมีจุดท่องเที่ยวชมบ่อออนเซ็นอีกด้วย ถ้า ใครเดินทางมาจากเมืองไทยลงที่สนามบินฟุกุโอกะ จะไกลนะคะ แต่ว่าก็ทำได้ เพราะเรามีเครื่องจากไทยไปฟุกุโอกะ คือลงที่สนามบินจากนั้นเลือกเอาค่ะว่าจะต่อรถไฟ หรือบัส ถ้าเป็นรถไฟนะคะ ก็จัด JR Limited Express Sonic ซึ่งเราต้องนั่งยาวไปเลยค่ะ 160 กม. ก็ประมาณ 2 ชม. นะคะ
ที่พักแนะนำ : โอ้ย! ที่นี่งามอ่ะที่ โฮเทล นิว มาซุมิ ใช้เวลาเดินก็สิบนาทีแต่คุ้มนะ ขำๆ ไป และมันคุ้มนะจะบอกเลยอาหารอร่อย ทะเลสวยยยย หาแบบนี้ยากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่คนจะชอบที่นี่เพราะถูกและสวยมากๆ นี่เอง

8

8. Kurokawa Onsen
ยังๆ ไม่ไปจากคิวชูนะ ที่นี่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะคิวชู ครั้งนี้เราจะพาไปหาคุมามง เอ้ยไม่ใช่ ไปคุมาโมโต้กัน 555 แต่อยู่ทางตอนเหนือของเขาอะโสะซึ่งสามารถเดินทางจากที่นั่นโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่มีชื่อเสียงจุดนึงของเมืองออนเซ็นขึ้นชื่อเลยนะ คนญี่ปุ่นจะนิยมมาที่นี่กันมาก เนื่องจากที่นี่ให้บรรยากาศที่ไม่เหมือนอยู่ในเมือง เพราะจะไม่มีตึกอาคารอะไรมากลักษณะเป็นธรรมชาติ และมีรีสอร์ทเยอะจึงทำให้ที่นี่เหมาะกับวันพักผ่อนของหลายๆ คนที่ชอบแนวธรรมชาติ ออนเซ็นของที่นั่นจะมีทั้งหมดสามชนิดที่ขึ้นชื่อแบบที่แนะนำคือการอาบน้ำแบบ “Nyuyoku tegata” ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการบำบัดคนที่มีปัญหาหรืออาการเจ็บปวดทางเส้นประสาทต่างๆ

ที่ตั้ง : จังหวัดคุมาโมโตะ
การเดินทาง : ที่นี่ไม่มีรถไฟเข้าถึง แต่หากเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Kumamoto โดยขึ้นรถบัสต่อจากที่นั่นด้วยสาย Kyushu-Odan ที่เดินทางไปยัง Kurokawa Onsen (ประมาณ 150 นาที) จากฟุกุโอกะ จะมีรถบัสเดินทางมาถึงที่นี่โดยใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงครึ่ง
ที่พักแนะนำ : ยามาบิโกะ เรียวกัง เพราะติดใจออนเซ็นที่นี่นะ มันงามมมมมเว่อร์ ตอนแรกเห็นก็เฉยๆ พอดูจุดโอเพ่นแอร์นี่พูดเลย สุดยอด และไม่อยากกลับโตเกียว

9

9. Gero Onsen
เกโระออนเซ็น มีใครรู้จักบ้างน้อ ห่างจากทาคายาม่า โดยถ้านั่งรถด่วนก็ครึ่งชั่วโมงอ่า ที่เกโระนี่เค้ามีเป็นจุดที่มีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็นหนึ่งในสามของญี่ปุ่น นะ ทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและต่างประเทศต่างก็นิยมไปกันอยู่หรอก เพราะออนเซ็นที่นี่มันเทพค่ะ แต่ที่นักท่องเที่ยวไทยยังไปน้อยเพราะอาจจะไม่ค่อยรู้จักจังหวัดกิฟุ ฉะนั้นเรามาทำความรู้จักที่นี่กันให้มากขึ้นเลยนะ น้ำแร่ที่นี่มีสภาพเป็นด่าง (alkaline) เยอะหน่อยค่ะ การที่เราแช่ออนเซ็นนี้จะทำให้ผิวพรรณวิ๊งๆ ที่นี่เป็นหมู่บ้าน Gero Onsen Gasshomura ลักษณะของหลังคาจะเป็นแบบทรงสูง และที่นี่งามทุกฤดูขอบอก และมีแต่สิ่งแวดล้อมงามๆ คือเรียกได้ว่าเรามาที่นี่ก็เหมือนหลุดไปอีกโลกอ่ะ การเดินทางก็สุดแสนจะง่ายค่ะ คิดว่าคนที่ไม่ชอบเดินทางลำบากก็ไปถูก

ที่ตั้ง : จังหวัดกิฟุ
การ เดินทาง : สามารถเดินทางได้จากทาคายาม่า ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มาลงที่สถานี Gero ได้เลยค่ะ ที่สถานีบางโรงแรมที่อยู่ไกลจะมีคนมารับ ลงมาบางทีจะเห็นหลากหลายโรงแรมถือป้าย รอรับเรา แบ่งการเดินทางออกอีกสองรูทนะ จากการนั่งชินกันเซ็น และจากนาโกย่าจาก สถานี Tokyo หรือ Shin Osaka ขึ้นรถไฟชินกันเซ็นเพื่อไปลงที่สถานีนาโกย่า จากที่นั่นนั่งรถสาย Takayama Main Line เพื่อไปลงที่สถานี Gero หรือจากสถานี Nagoya นั่งรถไฟสาย Takayama main ประมาณ 90 นาที ลงที่สถานี Gero
ที่พักแนะนำ : จัด ที่นี่ไปค่ะ คิดว่าเลือกแนะนำที่นี่เพราะ Suimeikan เพราะออนเซ็นเค้างาม และสำหรับที่นี่แล้วที่ไหนคงสวยหมดแต่อยากให้ที่เดินทางสะดวกๆ กับเพื่อนๆ เท่านั้นเอง

10

10. Okuhida Onsen
นี่เขียนถึงอันดับสุดท้าย เพิ่งมารู้ตัวว่าเอ้ย!นี่เราชอบออนเซ็นไปรึเปล่า 555 สายไปละ นี่เรียกว่าสองปีนี้ถลำลึกลงไปในบ่อแล้ว เอาไม่อยู่ เข้าเรื่องละนะ Okuhidaonsen Town เป็นหนึ่งใน 5 จุดที่มีออนเซ็นจากน้ำพุร้อนที่ส่งตรงมาจากทางใต้เทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ น้ำแร่ที่ได้รับจากเส้นทางโอคุฮิดะออนเซ็นมีหลายหมู่บ้านเลยที่ได้รับ เลยทำให้ที่นี่มีจุดท่องเที่ยวที่กระจายกันไปเป็นโซนๆ ใครชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขา ขึ้นกระเช้าโรฟเวย์ที่นั่นมีหมด เรียกว่าแจ่ม เก๋กู๊ดดดคร้า

ที่ตั้ง : จังหวัดกิฟุ
การเดินทาง : เดินทางจากสถานี JR Takayama ด้วยรถบัสประมาณ 60 นาที และเดินทางด้วยรถบัสที่สถานี Matsumoto โดยใช้เวลาประมาณ 85 นาที
ที่พักแนะนำ : ที่นี่นับเป็นจุดที่เดินทางสะดวก ราคาไม่สูงมากนัก จึงคิดว่าเหมาะกับคนไทย เพราะที่ไหนๆ ในโอคุฮิดะ พูดเลยว่าเด็ดนะ

ทั้งหมดทั้งปวงก็เป็นการจัดอันดับจากสถิตินะคะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปีหน้าเหอะ ใครจะไปรู้เนอะ มีอีกหลายที่นะคะ แถวเฮียวโกะ อะไรก็สวยงาม แต่พูดเลยว่านักท่องเที่ยวก็ยังน้อยอยู่เพราะอาจจะติดเรื่องการเดินทางค่ะ ที่อิสุก็เด็ด แต่ก็ยังสู้รายการที่ 1 – 10 ไม่ได้จริงๆ โดยส่วนตัวชอบอิสุมาก และอยากให้คนไปเที่ยวเยอะๆ นะวันนี้ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะ ยาวมากกก

ที่มา http://www.marumura.com อ่านเรื่องต้นฉบับที่ http://www.marumura.com/travel/?id=6099

การไปเที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือ

internet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่น
เพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆ
เคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

More

สัมผัสประสบการณ์หิมะที่่ลานสกี

สัมผัสประสบการณ์หิมะที่่ลานสกี

 

สกีและสโนว์บอร์ดเป็นกีฬาฤดูหนาวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกนิยมไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่น โดยนักสกีต่างชาติให้สมญานามหิมะที่ญี่ปุ่นว่า Japanese powder เพราะมีความนุ่มเหมือนปุยเมฆที่เกิดจากการผสมที่ลงตัวระหว่างเนื้อหิมะและอากาศที่สอดแทรกอยู่ข้างใน  โดยเฉพาะนักสกีแนว Back Country ที่จะเล่นสกีตามป่าเขา ธรรมชาติ (แนวป่าด้านหลัง ลานสกี) พราะต้องการลื่นไสลต์ไปตามปุยหิมะที่ยังใหม่ไม่มีร่องรอยการถูกไสลต์และถูกอัดทับถมกันแน่นเหมือนหิมะบนลานสกี แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวสกีแบบ Back Country จะการเล่นสกีที่ออกจะเผจิญภัยท้าทายและสี่ยงอันตรายจากการหลงทิศในป่า หรือ จนในหลุมหิมะหรือถูกหิมะถล่ม ที่มักจะมีข่าวบ่อยๆและมีนักสกีหลายรายที่ได้รับบาทเจ็บหรือเสียชีวิต

สกี ๒

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย สกีเริ่มเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากขึ้น จะเห็นได้ว่าจะเริ่มมีทัวร์สกีหรือทัวร์สำหรับหัดเล่นสกีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ลานสกีเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี แต่คุณทราบไหมว่าในเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคม ยังมีลานสกีที่ญี่ปุ่นจำนวนมากที่ยังเปิดให้บริการให้คุณได้สัมผัสหิมะอยู่

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกีหรืออยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆขอแนะนำสถานที่เล่นสกีจากสกีรีสอร์ทที่มีอยู่กว่า 500 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น

ช่วงที่เหมาะสมเล่นสกีคือ ฤดูหนาว : ธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์

เสื้อผ้าที่ควรเตรียมสำหรับการไปลานสกี ควรเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม เช่น เสื้อและกางเกงแขนขนยาวด้านใน สำหรับให้ความอบอุ่นกับร่างกาย จำเป็นต้องมีเสื้อคลุมโอเวอร์โค๊ต ชุดผ้าขนสัตว์และแจ๊กเก็ต ถ้าเป็นแบบกันน้ำได้ก็ยิ่งดี ผ้าพันคอแบบหนา ถุงมือ หมวกไหมพรมแบบกันหนาวได้ ถ้าหนาวมากอาจต้องมีที่ปิดหู ส่วนถุงเท้าให้ใส่แบบหนาๆ รองเท้าหุ้มข้อหรือรองเท้าบูทที่กันน้ำและหิมะได้ ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นอยู่เสมอ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการไปเล่นสกี เสื้อผ้าหนาสำหรับใส่เล่นสกี เช่น เสื้อคอเต่า เสื้อแขนยาว และอื่น, กางเกงลองจอน สำหรับกันหนาว, ถุงมือ กันน้ำ และแบบอุ่นมาก, ถุงเท้าแบบหนาและยาว, หมวกคลุม, ผ้าพันคอหรือปลอกสวมคอกันลม, ที่ปิดหู สำหรับกันหนาว, แว่นตาสำหรับเล่นสกี หรือกีฬาเกี่ยวกับหิมะ, ยาประจำตัว, ครีมทาผิว กันผิวแตก, ครีมกันแดด, ถุงอุ่นหรือแผ่นแปะให้ความร้อน, ประกันระหว่างเดินทาง

สิ่งที่หาเช่าได้ที่ลานสกี ชุดเล่นสกี เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงมือสกี, รองเท้าสกี, ไม้ค้ำ, หมวกกันน็อค

การเตรียมตัวล่วงหน้า แนะนำให้ เตรียมออกกำลังกาย ระวังยืดกล้ามเนื้อไว้ล่วงหน้า และระวังรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศหนาวจนติดลบ

 

เครดิตข้อมูล http://www.yokosojapan.org/th

การไปเที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือ

internet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่น
เพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆ
เคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

More

ไฟจราจรในชนบทญี่ปุ่น เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

ไฟจราจรในชนบทญี่ปุ่น เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวหาเพื่อนชาวญี่ปุ่นซึ่งอาศัยในภูมิภาค โทโฮกุ Tohoku เมื่อง ริฟุ Rifu ก้อเป็นหมู่บ้านชนบทธรรมดาๆ ทั่วไปพอไปเจอเพื่อนก้อพาเที่ยวรอบเมืองและสถาณที่สำคัญในเมืองตามปกติ

วันแรกเพื่อนก้อพาขับรถไปเที่ยวรอบๆเมือง  ก้อจะมาเจอสี่แยกไฟแดงเล็กๆ ที่มีทางรถไฟ วิ่งขนานไปกับถนนพอดีตอนแรกเพื่อนก้อขับรถตรงไปจอดตรงสี่แยกเพราะติดสัญญาณไฟแดงพอดี ซึ่งทุกอย่างก้อปรกติไม่มีอะไร พอไฟเขียวก้อขับรถออกไป(ในญี่ปุ่นก่อนจะขับรถจะข้ามทางรถไฟตามกฏจราจรต้องจอดรถดูซ้ายขวา ว่ามีรถไฟวิ่งหรือเปล่าจึงขับรถข้ามทางรถไฟไปได้และถ้ารถไฟวิ่ง ก้อจะมีแผงกั้นไม่ให้รถวิ่งเข้ามาได้)

วันต่อมา พวกเราออกเดินทางไปเที่ยวต่อ เพื่อนก้อขับรถพาออกไปในเส้นทางเดิมและต้องผ่าน สี่แยกไฟแดงที่เดิมพอเพื่อนขับรถไปห่างซักระยะ 30 เมตร  ผมพยายามสังเกตสัญญาณไฟว่าเป็นสีอะไร ปรากฏว่าสัญญาณไฟไม่แสดงสีใดๆออกมาเลย

ผมรีบขยี้ตาและเพ่งดูอีกรอบแน่นอนล่ะ ไฟจราจรเสียแน่ๆเลยจึงรีบสะกิดเพื่อนใหญ่ …ระวังๆ ขับช้าๆ ไฟจราจรเสียนะ…

เพื่อนก้อไม่พูดอะไร และชลอรถเพื่อจอดและมองซ้ายขวา ก่อนที่จะข้ามทางรถไฟและมุ่งตรงไปยังสี่แยกจากนั้นเพื่อนออกรถเพื่อข้ามทางรถไฟและจะไปเจอ สี่แยกไฟแดง ระยะห่างจากไฟจราจรประมาณ  5-7 เมตร ผมก้อเห็นสัญญาณไฟเป็นสี เขียว( อ้าวเมื่อกี้ ไฟยังเสียอยู่เลยตอนนี้ ไฟติดแล้ว…..คิดในใจ) และเพื่อนก้อขับรถผ่านไปสี่แยกไปตามปกติ

เพื่อนออธิบายว่า ไฟจราจรไม่ได้เสียหรอก กรณีไฟแดงเราจะเห็นแต่ไกลเลยเพราะจะไม่มีปัญหา คนขับรถจะต้องจอดตรงทางรถไฟก่อน 1 ครั้งและขยับมาจอดตรงไฟแดงเป็นเรื่องปกติจะมีปัญหา ตอนเป็นไฟเขียว เพราะถ้าคนขับรถใจร้อนรู้ว่าเป็นไฟเขียวก้อจะไม่ยอมจอดรถให้สนิทก่อนตรงทางรถไฟพื่อดูว่ารถไฟมาหรือเปล่าแต่จะรีบออกรถเร่งสปีดเพื่อให้ทันไฟเขียว อาจจะละเลยการจอดรถให้สนิทเตรงทางรถไฟได้ และจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นแต่ถ้าเราไม่รู้สัญญาณไฟข้างหน้าเป็นสีเขียวหรือสีแดง เราก้อจะต้องชลอรถและดูให้แน่ใจว่าเป็นไฟเขียวถึงจะผ่านไปได้นั่นเองครับ

ภูมิปัญญาญี่ปุ่นง่ายๆแต่ได้ประโยชน์และลึกซึ้งจริงๆ

red1 new

(สัญญาณไฟสีเขียวแต่มองในระยะไกลเกิน 10 เมตรจะไม่เห็น ต้องขับข้ามทางรถไฟก่อนถึงจะเห็นทำให้คนขับรถไม่กล้าขับเร็ว)

red2 new

(สัญญาณไฟสีแดงจะมองเห็นได้ปกติในระยะไกลเพื่อให้รถชะลอจอดตรงทางรถไฟ และจอดตรงไฟแดง)

ที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือinternet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่นเพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆเคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เการไปเพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

 

 

 

 

 

More

แบกเป้ / นั่งแอร์แอเชีย / เช่า pocket wifi เที่ยวญี่ปุ่น กับวันชิลล์ๆที่อ่าว Matsushima (Sendai)

แบกเป้ / นั่งแอร์แอเชีย / เช่า pocket wifi เที่ยวญี่ปุ่น กับวันชิลล์ๆที่อ่าว Matsushima (Sendai)

สวัสดีค่ะ ไปญี่ปุ่นคราวนี้ได้มีโอกาสมาลุย Sendai เป็นครั้งแรกทริป 9 วัน  20/09/2014 – 28/09/2014 โปรแกรมการเดินทางตามนี้ค่ะ โตเกียว 2 วัน, เซ็นได 3  วัน, โอซาก้า 2 วัน กลับมาโตเกียวอีก 1 วัน

ครั้งนี้ จขกท ไปกัน 2 คนกับคนรู้ใจ จะตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะไปเซ็นไดเป็นครั้งแรกจะแวะ Matsushima ที่คนญี่ปุ่นแนะนำว่าสวยที่สุด 1 ในสามของสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในญี่ปุ่นที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า นิฮองซังเคส่วนอีก 2 ที่จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหนบ้างแต่มีโอกาสคราวหน้าอยากจะตามไปเก็บเรื่อยๆจนครบค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะสำหรับการเที่ยวที่ราบรื่นในครั้งนี้

Airasia ที่มีตั๋วให้บินในราคาประหยัด www.airasia.com

Japan Wifi ที่ให้สัญญาณไวไฟ ใช้ได้ตลอดทริปและแถมโทรกลับไทยฟรีไม่จำกัด www.jp-wifi.com

Business Hotel ราคาประหยัดในทุกเมืองที่ไปพัก

อื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ได้เอ่ยนามสำหรับทิปนี้จ้า

เที่ยว Matsushima ใน 1 วันเป็นเส้นทางที่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมของคนไทยกันสักเท่าไหร่ เผื่อท่านใดเห็นแล้วอยากไปบ้างก้อจะได้เป็นข้อมูลนะคะเริ่มจากสถาณีเซ็นได เป็นสถาณีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โทโฮกุ เลยค่ะแต่ถ้าเทียบกับสถาณีหลักอย่างโตเกียว อุเอะโนะแล้วถือว่าเล็กมากๆ เซ็นไดเป็นเมืองที่มีครบทุกอย่างและประชากรไม่หนาแน่น บรรยากาศคล้ายๆเชียงใหม่มั้งค่ะเปรียบเทียบไม่ถูกค่ะ

1

นั่งรถไฟสาย Senseki ชานชลาที่ 10 ราคา 320 เยน เพื่อมุ่งหน้าไป Matsushima-kaigan ใช้เวลาประมาณ 45 นาที

2

แต่เราลงสถาณีก่อนหน้านั้นคือสถาณี Hon-Shiogama จะมีห้าง อิออน ให้เดินลัดห้างไปจะเจอท่าเรือ Marine Gate

3

Matsushima คือ หมู่เกาะหินปูนที่กระจายกันรอบๆอ่าว กว่า 200 เกาะซึ้งบนเกาะหล่านี้จะมีแค่ต้นสน Matsu เท่านั้นที่ขึ้นอยู่บนเกาะได้และตัวเกาะจะถูกน้ำและลมกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นเวลานาน ทำให้เกาะมีรูปร่างแปลกๆสวยงามตามธรรมชาติค่ะตั๋วราคา 1,500 เยน พร้อมแผนที่ (ที่เห็นมือดำๆนั่นไม่ใข่มือเรานะค่ะมือแฟนค่ะ)

4

อลำนี้แหละพร้อมจะออกแล้วว  ผู้โดยสารมีประปรายไม่แน่น อืมทำไมมีแต่คนญี่ปุ่น

5

เรือออกแล้ว เริ่มเห็นเกาะเล็ก เกาะน้อย รูปร่างแปลกๆ ดูแล้วสวยดีค่ะ เรื่อลำอื่นสวยมา ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่อาจจะเพราะยังเช้าอยู่ก้อได้

6

7

9

เกาะนี้โดนลมและน้ำเซาะจนเป็นรูปร่างแบบนี้เลยค่ะ

10

มีแต่เกาะหินปูนกับต้นสน Matsu

11

ลองเอา pocket wifi ขึ้นมาดูสัญญาณ อยู่กลางทะเลสัญญาณยังเต็ม ส่งรูปไลน์อัปตลอดเวลา เจ้านี้ใช้สัญญาณของ NTT Docomo ออกมาจากฝั่งไกลพอสมควรยังเชื่อมต่อได้ปกติ จขกท เช่าจากไทย  www.jp-wifi.com แถมโทรกลับไทยฟรี Chaiyocall เพราะต้องใช้โทรหาที่บ้านเสียงชัดดีแต่มีแอบโทรไม่ติดบ้างบางจังหวะต้องกดซ้ำ โดยรวมถือว่าใช้ได้เลยค่ะ

12

ใกล้ถึงฝั่งแล้วค่ะ ท่าเรือ Matsushima คนเยอะและคึกคักมากปกติคนจะขึ้นและลงที่ท่าเรือนี้วนเป็นรอบขึ้นและลงที่จุดเดิมไม่เหมือน จขกท ขึ้นและลงคนละท่าเรือกัน

13

14

เดินไปเรื่อยๆตามคนญี่ปุ่นไป เจอเหมือนเป็นวัดเล็กๆ บนเกาะติดชายฝั่งคืออะไรรีบไปดูกันเร๊ว ข้ามสะพานแดงไปเจอแล้วน่าจะเป็นวัดหรือศาลเจ้าเล็กๆ ดูขลังดี

16

เดินลงมาเจอร้านขายของกิน ต้องแวะเติมพลังก่อนอาหารขึ้นชื่อของเซ็นไดคือ ตัวเดียวอันเดียวของวัวต้องลองซะแล้วว สั่งกิวตังมาทานดูก้อคือลิ้นวัว นั่นเองค่ะอาหารขึ้นชื่อของเซ็นไดไม้ใหญ่ๆแบบนี้ 600 เยนนะคะอร่อยมาก

17

 

ลิ้นวัวอย่างเดียวไม่พอซะแล้ว เดินไปอีกนิดเจอโคมไฟไอศครีมยักษ์เลยต้องแวะลอง รสลูกพีช สุดยอดความอร่อย

18

ยังไม่หมดเดินเรื่อยๆมาเจอลูกชิ้นปลายักษ์ kamaboko ต้องแวะเข้าไปดูหน่อยต้องย่างเองด้วยแต่ย่างเพลินนานไปหน่อยจนดำก้อต้องยกให้แฟนทานค่ะ

19

ถัดไปหน่อยเป็นทางเข้าวัด zuiganji ถือเป็นวัดที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งและเป็นวัดสำคัญในเซนไดผ่านประตูทางเข้าวัดเป็นต้นสนใหญ่ เหมือนป่าสนดูเงียบสงบมาก สวยมากค่ะ

20

ระหว่างทางเดินเข้าวัด จะเจออุโมงค์ซึ่งในอดีตที่ผู้เลื่อมใสมาปฏิบัตธรรมจนเยอะล้นวัดและไม่มีที่จำวัดเลยต้องขุดหน้าผาหินเป็นช่องๆสำหรับอยู่อาศัยและปฏิบัติธรรม

21

พอมาถึงทางเข้าไปในตัววัดและมีพิพิธภัณท์อยู่ข้างในต้องซื้อตั๋วราคาคนละ 700 เยน เนื่องจาก จขกท ไม่มีเวลาเพราะตอนเย็นนัดเจอเพื่อนในตัวเมืองเซ็นไดเลยไม่ได้เข้าไปดูข้างใน

22

ได้เวลาเดินทางกลับตัวเมืองเซ็นไดแล้วค่ะ ก้อขึ้นรถไฟสายเดิมที่สถาณี Mtsushima kaiganสถาณีเล็กๆแต่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแน่นมากค่ะ กลับถึงเซ็นไดใช้เวลาประมาณ 40 นาที

24

 การไปเที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือ

internet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่น
เพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆ
เคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

More

ทำไมการซื้อโทรศัพท์และแพคเกจอินเตอร์เน็ตในญี่ปุ่น ถึงซื้อกันยากเย็นนัก

ทำไมการซื้อโทรศัพท์และแพคเกจอินเตอร์เน็ตในญี่ปุ่น ถึงซื้อกันยากเย็นนัก

วันนี้จะพูดถึง วิธีการซื้อโทรศัพท์รวมถึงแพคเกจอินเตอร์เน็ตในญี่ปุ่นกันดีกว่านะครับ ว่าทำไมถึงซื้อกันยากเย็นนัก การซื้อขายมือถืในญี่ปุ่นจะแบ่งเป็น 2รูปแบบ คือ ประเภทแบบรายเดือน และแบบเติมเงิน

a2a1

แบบรายเดือนคือการทำสัญญารายเดือนกับผู้ให้บริการคือผู้ใช้บริการไปทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบสัญญารายเดือนกับผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเครือข่ายท็อป 3 ในญี่ปุ่นคือ Docomo, AU, Softbank  โดยปกติผู้จะใช้บริการ ไม่ต้องนำเงินไปเลยซักเยนเดียว ก็สามารถถอยไอโฟนหรือแอนดรอยด์รุ่นใหม่ๆออกมาได้ทันทีครับแต่เดี๋ยวก่อนมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เงื่อนไขทุกอย่างหยุมหยิม ละเอียดตามสไตล์ญี่ปุ่น

อันดับแรก ต้องใช้ใบแสดงตัวตน(คนญี่ปุ่นใช้ใบขับขี่ หรือบัตรประกันสุขภาพ) คนต่างชาติต้องใช้ใบไซริวการ์ดหรือใบพำนักในญี่ปุ่นและบัตรเครดิตหรือสมุดบัญชีธนาคาร ท่านผู้ใดไม่มีเอกสารเหล่านี้ก็หมายความว่า ทำสัญญาซื้อโทรศัพท์มือถือไม่ได้นะครับก็หมายความว่าคนต่างชาติอย่างเรามีแค่พาสปอร์ต ก็ซื้อไม่ได้น่ะสิ อันนี้ถูกต้องเลยนะครับ

ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินซักเยนเดียวก็ถอยมือถือรุ่นใหม่ๆออกมาได้เลยทันที แต่ภาระผูกพันธ์ตามหลังอีกเพียบเพราะสัญญา 2 ปี จะต้องผ่อน ค่าเครื่อง 24 งวด และค่าแพคเกจการโทรต่างๆอีก ตกเฉลี่ยแบบถูกๆก็เดือนละ 5,000 เยน ถึง 6,000 เยนครับ (กรณีใช้เครื่องแบบธรรมดาไม่ใช่สมาร์ทโฟนจะถูกกว่านี้) และถ้าใช้ไม่ครบ 2 ปีหรือใช้เกิน 2 ปี ไปแล้วแต่ยกเลิกไม่ตรงเดือนที่สมัครใช้ครั้งแรก ก็จะมีค่าปรับอีกอย่างน้อยๆ  10,000 เยนต่อสัญญา เงื่อนไขเหล่านี้ รวมทั้งการซื้อ เดต้าเพคเกจ Pocket wifi และอินเตอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกที่ใช้ตามบ้านด้วยนะครับ

นอกจากข้อกำหนดเหล่านี้แล้วยัง จำกัด จำนวนเครื่องที่จะทำสัญญาด้วยนะครับ โดยจะซื้อได้ไม่เกิน 5 สัญญาหรือพูดง่ายๆคือ 5 เครื่อง5 เลขหมายนั่นเองครับโดยครั้งแรกจะออกเครื่องได้ 2 เครื่องจากนั้น ผู้ให้บริการเครือข่ายจะเช็คเรื่องของการชำระเงินมีปัญหาหรือไม่ถึงจะยอมปล่อยให้ทำสัญญาซื้อได้อีก 3 เครื่อง

ส่วนมือถือแบบเติมเงิน ก็ต้องใช้หลักฐานเหมือนกับมือถือแบบรายเดือนในการขอซื้อ เพียงแต่การเติมเงินก็ซื้อการ์ดเติมเงินตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปครับระบบคล้ายๆบ้านเราเพียงแต่การซื้อต้องใช้หลักฐานในการสมัครซื้อเท่านั้นเอง แต่โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินนั้นไม่เป็นที่นิยมมากนักเลยหาซื้อยากและบางร้านบางสาขาก็ไม่มีจำหน่ายนะครับ คนต่างชาติอย่างเราที่เป็นแค่นักท่องเที่ยวก็คงต้องใช้วิธีการเช่า ไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือ เช่า ไวไฟ ในการใช้งานที่ญี่ปุ่น จากเมืองไทยจะสะดวกที่สุดเพราะไม่ต้องมีภาระในการทำสัญญาต่างๆนะครับ

how to use background picture

 

 การไปเที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือ
internet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่น
เพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆ
เคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

More

หมดยุคค่าโทรแพงของวงการโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น

หมดยุคค่าโทรแพงของวงการโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น

ก่อนอื่นจะพาไปทำความรู้จักผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือหลักๆในญี่ปุ่นก่อนนะครับ แบ่งตาม market share ในตลาด

ผู้ครองอันดับ 1. อย่างยาวนาน NTT Docomo อันดับ 2. AU KDDI  อันดับ 3. SoftBank และอื่นๆ 4. เป็นผู้ให้บริการเจ้าเล็กๆ เช่น Willcom ผู้ให้บริการระบบ PHS และ E-Mobile ผู้เน้นบริการอินเตอร์เน็ตและเดต้าแพคเกจ

adocomo sb au pic

ถึงแม้ว่า NTT Docomo จะครองมาร์เกตแชร์เป็นอันดับ 1  อย่างยาวนานก็จริง แต่สัดส่วนตลาดได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปีที่แล้ว 2013 สัดส่วนลงต่ำกว่า 50% เนื่องด้วยคู่แข่งมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมรวมถึงค่าบริการพื้นฐานที่ถูกกว่า Docomo ในแพคเกจที่เท่าเทียมกัน

ปลายปี 2013 Docomo จึงปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเริ่มนำเอา Iphone5 ออกมาขาย (เดิม Iphone จะให้ AU KDDI และ Softbank ทำตลาดเท่านั้น Docomo มีแค่ Android แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย

bc

Docomo  จึงฉีกกลยุทธ์ทิ้งไม้ตายจนคู่แข่งตั้งตัวไม่ทัน ด้วยโปรโมชั่นโทรเหมาจ่ายทั่วญี่ปุ่นทั้งเบอร์บ้านและมือถือฟรีตลอด 24 ชัวโมง เดือนละ 2,200 เยน เริ่ม 01/06/2014 เป็นการปฏิวัติค่าโทรภายในญี่ปุ่นที่แพงแสนแพงมาอย่างยาวนาน(ปกติค่าโทรในญี่ปุ่นด้วยมือถือนาทีละ 40 เยน ) เป็นที่ได้ผล ในวันเปิดตัวร้าน Docomo ทุกสาขาลูกค้ายืนรอเพื่อไปย้ายค่ายและเปลี่ยน โปรกันต่อแถวยาวเหยียดแต่เช้ามืดยอดขายเดือน 6 กลับมาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนทำให้คู่แข่งต้องกัดฟันทำโปรโมชั่นโทรเหมาจ่าย ราคาเดียวกับ Docomo ออกมา ในเดือนถัดๆไปเพื่อดึงลูกค้ากลับ เป็นอันสิ้นสุดยุคค่าโทรแพงของวงการโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น

ปิดท้ายด้วย peper เจ้าหุ่นยนต์พระเอกตัวใหม่ของค่าย SoftBank  ที่จะออกวางจำหน่ายที่ร้าน Softbank ทุกสาขาในปี 2015นะครับ ในปีหน้าคงได้เห็นเจ้า peper ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนอาจจะออกมาเดินซื้อกับตามเจ้าของตามท้องถนนนะครับ SoftBank กำลังคิดอะไร หรือทำอะไร ทำไมทำถึงมีการฉีกแนวโปรดักส์ใหม่ออกมาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารและโทรศัพท์เลยเช่นนี้มีโอกาสนายแว่นจะพาไปรู้จักเจ้า peper มากขึ้นนะครับ

d

การไปเที่ยว ญี่ปุ่นหรือ japan การใช้งาน wifi ไวไฟ จำทำได้ค่อนข้างยาก หากพกพาอุปกรณ์จากไทยไป เช่น พวก pocket wifi ใช้สำหรับอินเตอร์เน็ต หรือ
internet มีคนจาก พันทิพย์ pantip แนะนำที่ http://www.jp-wifi.com ซึ่งมีประสบการณ์ เคยเช่า pocket wifi ไปใช้งานที่ ญี่ปุ่น
เพราะว่า การเข้าใช้งานที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มี pocket wifi ถือว่าไม่สามารถติดต่อกับ เมืองไทยได้เลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น โทรกลับไทย ฟรีด้วย น่าสนใจมากๆ
เคยแนะนำเพื่อนไปหลายคน ชอบทุกคน เพราะได้โทรกลับไทยด้วย ดีกว่าเปิดโรมมิ่ง มือถือเยอะ ดีกว่าไปเช่าซิม ที่ญี่ปุ่น อีก เพราะต้องถอดซิมจากเครื่องเดิม เราเลย แนะนำ เช่า pocket wifi ดีกว่าตอนนี้เริ่มมีคนไปแนะนำใน พันทิพย์ pantip เยอะขึ้นแล้ว

More