ทำไมการซื้อโทรศัพท์และแพคเกจอินเตอร์เน็ตในญี่ปุ่น ถึงซื้อกันยากเย็นนัก
วันนี้จะพูดถึง วิธีการซื้อโทรศัพท์รวมถึงแพคเกจอินเตอร์เน็ตในญี่ปุ่นกันดีกว่านะครับ ว่าทำไมถึงซื้อกันยากเย็นนัก การซื้อขายมือถืในญี่ปุ่นจะแบ่งเป็น 2รูปแบบ คือ ประเภทแบบรายเดือน และแบบเติมเงิน
แบบรายเดือนคือการทำสัญญารายเดือนกับผู้ให้บริการคือผู้ใช้บริการไปทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบสัญญารายเดือนกับผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเครือข่ายท็อป 3 ในญี่ปุ่นคือ Docomo, AU, Softbank โดยปกติผู้จะใช้บริการ ไม่ต้องนำเงินไปเลยซักเยนเดียว ก็สามารถถอยไอโฟนหรือแอนดรอยด์รุ่นใหม่ๆออกมาได้ทันทีครับแต่เดี๋ยวก่อนมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เงื่อนไขทุกอย่างหยุมหยิม ละเอียดตามสไตล์ญี่ปุ่น
อันดับแรก ต้องใช้ใบแสดงตัวตน(คนญี่ปุ่นใช้ใบขับขี่ หรือบัตรประกันสุขภาพ) คนต่างชาติต้องใช้ใบไซริวการ์ดหรือใบพำนักในญี่ปุ่นและบัตรเครดิตหรือสมุดบัญชีธนาคาร ท่านผู้ใดไม่มีเอกสารเหล่านี้ก็หมายความว่า ทำสัญญาซื้อโทรศัพท์มือถือไม่ได้นะครับก็หมายความว่าคนต่างชาติอย่างเรามีแค่พาสปอร์ต ก็ซื้อไม่ได้น่ะสิ อันนี้ถูกต้องเลยนะครับ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินซักเยนเดียวก็ถอยมือถือรุ่นใหม่ๆออกมาได้เลยทันที แต่ภาระผูกพันธ์ตามหลังอีกเพียบเพราะสัญญา 2 ปี จะต้องผ่อน ค่าเครื่อง 24 งวด และค่าแพคเกจการโทรต่างๆอีก ตกเฉลี่ยแบบถูกๆก็เดือนละ 5,000 เยน ถึง 6,000 เยนครับ (กรณีใช้เครื่องแบบธรรมดาไม่ใช่สมาร์ทโฟนจะถูกกว่านี้) และถ้าใช้ไม่ครบ 2 ปีหรือใช้เกิน 2 ปี ไปแล้วแต่ยกเลิกไม่ตรงเดือนที่สมัครใช้ครั้งแรก ก็จะมีค่าปรับอีกอย่างน้อยๆ 10,000 เยนต่อสัญญา เงื่อนไขเหล่านี้ รวมทั้งการซื้อ เดต้าเพคเกจ Pocket wifi และอินเตอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกที่ใช้ตามบ้านด้วยนะครับ
นอกจากข้อกำหนดเหล่านี้แล้วยัง จำกัด จำนวนเครื่องที่จะทำสัญญาด้วยนะครับ โดยจะซื้อได้ไม่เกิน 5 สัญญาหรือพูดง่ายๆคือ 5 เครื่อง5 เลขหมายนั่นเองครับโดยครั้งแรกจะออกเครื่องได้ 2 เครื่องจากนั้น ผู้ให้บริการเครือข่ายจะเช็คเรื่องของการชำระเงินมีปัญหาหรือไม่ถึงจะยอมปล่อยให้ทำสัญญาซื้อได้อีก 3 เครื่อง
ส่วนมือถือแบบเติมเงิน ก็ต้องใช้หลักฐานเหมือนกับมือถือแบบรายเดือนในการขอซื้อ เพียงแต่การเติมเงินก็ซื้อการ์ดเติมเงินตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปครับระบบคล้ายๆบ้านเราเพียงแต่การซื้อต้องใช้หลักฐานในการสมัครซื้อเท่านั้นเอง แต่โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินนั้นไม่เป็นที่นิยมมากนักเลยหาซื้อยากและบางร้านบางสาขาก็ไม่มีจำหน่ายนะครับ คนต่างชาติอย่างเราที่เป็นแค่นักท่องเที่ยวก็คงต้องใช้วิธีการเช่า ไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือ เช่า ไวไฟ ในการใช้งานที่ญี่ปุ่น จากเมืองไทยจะสะดวกที่สุดเพราะไม่ต้องมีภาระในการทำสัญญาต่างๆนะครับ